ผอ.สำนักงานพุทธฯตรัง แจงเหตุพระล่องเรือ-ดำน้ำ รับเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกใจคนดู จี้เจ้าอาวาสเร่งตักเตือน ขณะที่เจ้าอาวาส แอ่นอกรับ อาตมาและลูกศิษย์ทำผิดจริงคราวหลังจะระวังมากขึ้น
วันที่ 29 เม.ย.2565 จากกรณี “หลวงพี่โจ” พระมหาดาวติ๊กต็อก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชื่อดังเมืองตรัง ควงเจ้าอาวาสพร้อมพระอีกหลายรูปและโยมแม่ จัดโปรแกรมทัวร์สุดชิวนอนพักริมชายหาด ล่องเรือ ดำน้ำดูปะการัง เข้าลอดถ้ำมรกต ทำชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์ และประพฤติตัวไม่เหมาะสม
ล่าสุดเรื่องนี้ นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ตรัง เปิดเผยว่า เรื่องของพระภิกษุสงฆ์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในเรื่องวินัยและความเหมาะสม จะมีพระผู้ปกครองอยู่ มีพระวินยาธิการ ในเรื่องของวินัยนั้นมีกระบวนการพิจารณาของวินัยอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ บางครั้งความคาดหวังของพุทธศาสนิกชนอาจจะมีต่อพระค่อนข้างเยอะ แต่ในความเป็นวิถีของพระต้องมีการผ่อนบ้างบางเรื่อง แต่เนื่องจากสื่อที่ออกมาอาจจะทำให้ภาพบางภาพดูเหมาะสมบ้างหรือไม่เหมาะสมบ้างคนที่จะดูสื่อก็ต้องดูดุลยาพินิจพอสมควร ส่วนนี้ก็จะนำเรียนหลวงพ่อให้พิจารณาเรื่องความเหมาะสมจะได้ให้ความรู้ให้ข้อแนะนำในวัดในเขตปกครองให้มากขึ้นเพื่อนำความศรัทธา มั่นคงของพระพุทธศาสนาสืบไป
“การโพสต์สิ่งต่างๆลงบนโซเชียลของพระนั้นจะมองได้ 2 ลักษณะ หากมองด้านสิทธินั้นก็ต้องดูที่ข้อกฎหมายบ้านเมืองตามระเบียบ ในวินัยก็มีวินัยก็ต้องมองไปเป็นประเด็นไปไม่สามารถเหมารวมได้ การลงสื่อหากมองตามกฎหมายบ้านเมืองหากไม่สร้างความเดือดร้อนไม่หมิ่นประมาทใครอยู่ในวิสัยที่ข้อกฎหมายไม่ได้บังคับ
ในส่วนวินัยจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือไม่อย่างไรนั้น ก็จะมีพระสงฆ์ที่ต้องทบทวนวินัยกันอยู่สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้ไม่ถูกใจคนดูบ้าง ก็ต้องให้ความรู้และข้อแนะนำ ตักเตือนกันเพราะทุกๆ 15 ค่ำก็จะมีการทบทวนอยู่อะไรที่เป็นโลกาวัชชะก็จะได้สำรวมมากขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกุลกันธำรงพระพุทธศาสนา ทั้งฝ่ายภิกษุ บรรพชิตและฝ่ายคฤหัสถ์ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้พระพุทธศาสนาได้ดำรงอยู่ได้สถาพรตลอดไป”
วันเดียวกัน พระครูเมธากร รัครูสมุจำเลือง ฐิตเมโธ เจ้าอาวาสวัดไร่พรุ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยเตือนแล้วในเรื่องเหล่านี้ด้วยความหวังดี แต่ครั้งนี้อาจจะเกิดเพราะอาตมาประมาทเองจะโทษลูกศิษย์ไม่ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอาตมาหวังดีหลังจากเสร็จงานแล้วก็พาไป ซึ่งจัดขึ้นทุกปีแต่ครั้งนี้นำไปลงสื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้สิ่งที่ดีและไม่ดีกระแสครั้งนี้ถือว่าเป็นด้านลบ เราก็ต้องระวังไว้ครั้งหน้า
ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติของชาวโลก พระก็เป็นบุคคลที่ยังมีกิเลสแต่เราก็ระวัง ก็พาโยมแม่ไปด้วยไปกันหลายๆคนเพื่อป้องกันข้อครหา แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนและเป็นส่วนที่อาตมาต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นด้วย ปกติการเที่ยวพระก็เที่ยวอยู่แล้วเมื่อต้องออกไปบิณฑบาตตอนเช้า การไปเที่ยวครั้งนี้ก็คิดว่าเหมาะสมหากไม่ออกสื่อ
เมื่อออกสื่อไปแล้ว โดยเฉพาะการแต่งเนื้อแต่งตัว หรือคำพูด ชาวบ้านก็จะมองถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร การเล่นน้ำก็มีความผิดเป็นอาบัติ คราวหน้าคราวหลังก็ต้องระวังและอย่าทำอีก ช่วงนี้พระเรามีข่าวแง่ลบเยอะ แง่ดีก็ไม่เห็นและไม่ได้ออกสื่อ ไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก เรื่องนี้ก็จะฝากผ่านสื่อในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาส อาจจะนำพาลูกศิษย์ไป ลงสื่อแล้วไม่ทันระวัง ต้องขอโทษที่ทำให้คนไม่สบายใจ