แม้ว่าแอลกอฮอล์จะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เป็นตับแข็ง แต่ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เป็นโรคนี้ได้อีก
อ. พญ.ศุภมาส เชิญอักษร สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายถึงอาการตับแข็ง และสาเหตุที่ของโรคเอาไว้ ดังนี้
โรคตับแข็ง คืออะไร?
- เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และซี
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากและเป็นเวลานาน
- เป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น Wilson disease (ความผิดปกติของตับที่ไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ทำให้มีการสะสมทองแดงมากเกินไป), Hemochromatosis (ภาวะธาตุเหล็กในร่างกายเกินซึ่งอาจจะเป็นจากโรคทางพันธุกรรมทำให้ไม่สามารถขับธาตุเหล็กออกจากร่างกายได้หรือเป็นจากการได้รับธาตุเหล็กเกินโดยเฉพาะในคนไทยที่มีโรคเลือดจางธาลัสซีเมียรุนแรงจนต้องได้รับผลิตภัณฑ์เลือดอยู่บ่อยๆ), cystic fibrosis, alpha one antitrypsin deficiency, glycogen storage disease
- มีภาวะไขมันคั่งตับ มักพบในคนอ้วน หรือคนไข้เบาหวาน
- เป็นโรคแพ้ภูมิตนเองที่เกิดกับตับ เช่น autoimmune hepatitis, primary biliary cholangitis, primary sclerosing cholangitis
- เป็นโรคท่อทางเดินน้ำดีฝ่อตั้งแต่แรกเกิด (Biliary atresia)
- ได้รับยาบางชนิด หรือสมุนไพรบางอย่างที่มีผลต่อตับ
- มีภาวะหัวใจด้านขวาล้มเหลวเรื้อรัง
- มีการอุดกั้นของหลอดเลือดดำทางออกของตับ
- ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งพบในถึง 1 ใน 4 ของผู้ป่วย
อาการของโรคตับแข็ง
โดยส่วนมากในช่วงแรกของการเกิดโรคแทบไม่พบอาการหรือมีแสดงอาการน้อยมากโดยอาการแสดงก็ไม่จำเพาะเจาะจง เช่น
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาการ
- นอนไม่หลับ
- คันตามตัว
ต่อเมื่อการทำงานของตับแย่ลงก็จะมาด้วยภาวะแทรกซ้อน เช่น
- ตัวตาเหลืองหรือดีซ่าน
- ท้องมาน
- เท้าหรือตัวบวม
- อาเจียนเป็นเลือด
- น้ำหนักลดจากการมีมะเร็งตับ
วิธีป้องกันโรคตัวแข็ง
- รักษาโรคที่เป็นอยู่ ที่เป็นสาเหตุของอาการตับแข็ง เช่น รักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ที่เป็นอยู่ กินยากดภูมิคุ้มกัน กินยาขับธาตุเหล็ก หรือทองแดง เป็นต้น
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ฉีดวัคซีนที่จำเป็น โดยเฉพาะวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสตับเสบเอ และบี
- ตรวจคัดกรองมะเร็งตับ
- ระวังการใช้ยาที่ผ่านการทำลายยาที่ตับ เช่น พาราเซตามอล (ไม่กินติดต่อกันเกิน 5 วัน)