สาเหตุ "ตับแข็ง" ที่ไม่ได้มาจากการดื่มเหล้า

Home » สาเหตุ "ตับแข็ง" ที่ไม่ได้มาจากการดื่มเหล้า
สาเหตุ "ตับแข็ง" ที่ไม่ได้มาจากการดื่มเหล้า

แม้ว่าแอลกอฮอล์จะเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เป็นตับแข็ง แต่ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เป็นโรคนี้ได้อีก

อ. พญ.ศุภมาส เชิญอักษร สาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายถึงอาการตับแข็ง และสาเหตุที่ของโรคเอาไว้ ดังนี้

โรคตับแข็ง คืออะไร?

  1. เป็นโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และซี 
  2. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากและเป็นเวลานาน
  3. เป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น Wilson disease (ความผิดปกติของตับที่ไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ทำให้มีการสะสมทองแดงมากเกินไป), Hemochromatosis (ภาวะธาตุเหล็กในร่างกายเกินซึ่งอาจจะเป็นจากโรคทางพันธุกรรมทำให้ไม่สามารถขับธาตุเหล็กออกจากร่างกายได้หรือเป็นจากการได้รับธาตุเหล็กเกินโดยเฉพาะในคนไทยที่มีโรคเลือดจางธาลัสซีเมียรุนแรงจนต้องได้รับผลิตภัณฑ์เลือดอยู่บ่อยๆ), cystic fibrosis, alpha one antitrypsin deficiency, glycogen storage disease
  4. มีภาวะไขมันคั่งตับ มักพบในคนอ้วน หรือคนไข้เบาหวาน
  5. เป็นโรคแพ้ภูมิตนเองที่เกิดกับตับ เช่น autoimmune hepatitis, primary biliary cholangitis, primary sclerosing cholangitis
  6. เป็นโรคท่อทางเดินน้ำดีฝ่อตั้งแต่แรกเกิด (Biliary atresia)
  7. ได้รับยาบางชนิด หรือสมุนไพรบางอย่างที่มีผลต่อตับ
  8. มีภาวะหัวใจด้านขวาล้มเหลวเรื้อรัง
  9. มีการอุดกั้นของหลอดเลือดดำทางออกของตับ
  10. ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งพบในถึง 1 ใน 4 ของผู้ป่วย

อาการของโรคตับแข็ง

โดยส่วนมากในช่วงแรกของการเกิดโรคแทบไม่พบอาการหรือมีแสดงอาการน้อยมากโดยอาการแสดงก็ไม่จำเพาะเจาะจง เช่น 

  • อ่อนเพลีย 
  • เบื่ออาการ 
  • นอนไม่หลับ 
  • คันตามตัว  

ต่อเมื่อการทำงานของตับแย่ลงก็จะมาด้วยภาวะแทรกซ้อน เช่น 

  • ตัวตาเหลืองหรือดีซ่าน 
  • ท้องมาน 
  • เท้าหรือตัวบวม 
  • อาเจียนเป็นเลือด 
  • น้ำหนักลดจากการมีมะเร็งตับ

วิธีป้องกันโรคตัวแข็ง

  1. รักษาโรคที่เป็นอยู่ ที่เป็นสาเหตุของอาการตับแข็ง เช่น รักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ที่เป็นอยู่ กินยากดภูมิคุ้มกัน กินยาขับธาตุเหล็ก หรือทองแดง เป็นต้น 
  2. ลดการดื่มแอลกอฮอล์
  3. ฉีดวัคซีนที่จำเป็น โดยเฉพาะวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสตับเสบเอ และบี
  4. ตรวจคัดกรองมะเร็งตับ
  5. ระวังการใช้ยาที่ผ่านการทำลายยาที่ตับ เช่น พาราเซตามอล (ไม่กินติดต่อกันเกิน 5 วัน)

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ