เผชิญหน้า! สาว VS พ่อ-เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ขอค่าเสียหาย 2.5 หมื่น ลั่นไม่ให้สักบาท ภูมิใจลูกหนี ปะทะคารมอีกรอบในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3
จากกรณีสาวรายหนึ่ง อยู่ จ.อุดรธานี ได้ร้องสื่อมวลชนว่า ถูกชายหนุ่มและครอบครัวฝ่ายชายเทงานแต่ง มีการทำหนังสือสัญญากำหนดการสู่ขอเรียกสินสอด 50,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท ขณะที่พ่อฝ่ายชายเอาเงินวางไว้แค่ 2 พันบาท ทำให้ตกลงกันไม่ได้ รู้สึกเสียใจและเสียหน้า ด้านเจ้าบ่าวหนีหาย ติดต่อไม่ได้
รายการโหนกระแสวันที่ 12 ต.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ สุทิ พ่อของเจ้าบ่าว, มด ว่าที่เจ้าสาว , ตู่ เพื่อนทั้งสองฝ่าย รวมทั้ง ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล
พ่อใหญ่ เล่าเรื่องราวฝั่งพ่อใหญ่ให้ฟังก่อน?
สุทิน : เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. ทุกวันตอนเช้าก็ไปนา ไปให้อาหารปลา หมา ที่นา วันนั้นตามหลักผมจะอยู่นานหน่อย แต่วันนั้นเป็นบุญประเพณีหมู่บ้าน ผมก็เลยอยู่ประมาณ 2 โมงก็รีบกลับมา พอกลับมา เห็นนางมดนี่แหละ นั่งดูโทรศัพท์อยู่ แกก็ยกมือไหว้ หวัดดีพ่อ ผมก็ตอบรับ หวัดดีลูก วันนั้นเพิ่งมา พอตอบรับกันผมก็ไปอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็นั่งพักผ่อน คุณมดก็เข้าไปหา ไปทัก ไปคุย ถามกันต่างๆ นานา ก็ไม่มีอะไร ก็ถามว่าลูกมายังไง เขาตอบมาเล่นกับเพื่อน ตู่ , หมอน เป็นเพื่อน แล้วก็รู้จักกับหนุ่ม ลูกเราเลยมาที่นี่ อ้าว มายังไง มีลูก – ผัวอยู่ยังไง เขาบอกว่าผัว ไปจากเกาหลี กลับมาก็ได้แฟนอยู่คำเจริญ เขาบอกเพิ่งเลิกกับผัวมา แล้วมาหาลูกพ่อ พ่อกลัวจะมีอันตรายเข้ามา หย่ากันไม่ขาด มันจะมีพิษภัย
ตอนนั้นเขาไม่ได้อะไรกัน ไม่เห็นต้องคิดว่าผัวเขาจะมายุ่งเกี่ยว?
สุทิน : ตอนนั้นคิดในใจ ถ้ามายุ่งกับลูกเรา ผัวเขาจะมากระทืบลูกเราหรือเปล่า คิดแต่ไม่กล้าพูด จากนั้นถามว่ามีลูกมั้ย เขาบอกไม่มี พ่อเลยบอกว่าพ่อจะไปทำบุญที่วัด มีอะไรก็กินในครัวนะ พ่อไปทำบุญกลับมาก็เห็นนางมดกินเหล้าร้องเพลงอยู่ที่บ้านกับเพื่อน
ตอนนั้นมีใครบ้าง?
ตู่ : มีเพื่อนอยู่บ้านอีกค่ะ มีพี่สาว จัดงานวันเกิดหลานด้วยมั้ง แล้วก็มีหนุ่ม
แล้วยังไงต่อ?
สุทิน : พ่อก็เข้าไปนอน พอตื่นมา ตามหลักแม่ไปซื้อของมาขาย พ่อต้องหุงข้าวรอ อยู่ๆ มดก็ออกมาแล้วมาช่วย เขาบอกว่าหวัดดีพ่อ ตอนนั้นก็งง ร้องเพลงแล้วยังไงออกมาจากห้องลูกชาย คิดหนักอีก แต่ก็ปล่อยเลยตามเลย เขาอยู่กัน 2-3 วัน แกก็ล้างถ้วยชามธรรมดา เพราะเป็นผู้หญิง เราก็ปล่อยให้ทำ จนวันที่ 29 นี่แหละ แกบอกว่าเขากลับบ้านไม่ได้ ถ้าพ่อไม่นำทางพาหนูไปบ้าน อยากให้พ่อแม่เขาได้เห็น แต่พ่อก็ยังไม่ได้ไป ก็เลยไปวันที่ 1 ต.ค. พอไปแล้ว พี่เขาบอกว่าให้ไปเจอญาติทางโน้นเจอหน้าพ่อแม่ทางนี้เฉยๆ เพื่อนเขาก็บอกว่าถ้ามึงจะเรียกค่าสินสอด พ่อไม่มีนะ มึงอย่าไปเรียกนะ อยู่กินกันไป พ่อแม่ หรือย่าปู่เขาดีนะ เขาเป็นคนใจดี เขามีลูกชายอยู่คนเดียว แกก็พูดดีว่าให้ไปหน่อย ไปเป็นพยานให้เข้าบ้านได้ง่ายๆ ไปถึงแล้วเห็นผู้หญิง 3 คน ผู้ชาย 3 คน ก็คิดว่าคุยกันง่าย
พอผมไปปั๊บญาติทางโน้นถามว่ามายังไง มาแล้วก็มาคุยกันเลย ลูกเราเป็นผู้หญิงเสียหาย เราก็ถามว่าจะให้คุยกันยังไงล่ะยาย ก็คุยเรื่องสินสอด เรื่องเสียหาย เขาก็พูดมาเลยว่าอยากได้ 7.5 หมื่น ผมไม่มีหรอก ตั้งแต่ทำงานค่าฟืนค่าไฟ ค่าน้ำ ก็ขอส่งผ่อนอยู่ ถ้าจำเป็นให้พ่อหามาแต่งจริงๆ คงหาได้ไม่เกินหมื่น แต่ต้องให้ไปหาก่อนนะ ไม่ใช่เอาตอนนั้น เขาบอกว่าถ้าไม่เอาก็ถามเด็ก เด็กจะเอายังไง ฝ่ายนางมดก็พูดคนเดียวเลยว่า พูดคุยกับหนุ่มแล้ว คุยกันแล้ว จะเอา 5 หมื่น ทองหนัก 1 บาท ถ้าลูกพูดอย่างนั้นก็คิดว่าเขาจะหาเงินมาแต่งกันเอง ผมก็ปล่อยเลยตามเลย พอบอกว่า 5 หมื่นไม่ขัดอะไร เขาบอกเอากระดาษมาเซ็นสัญญา เผื่อมีเรื่องราวพูดกันยาก ให้เอาหนังสือมาเขียนสัญญา เขียนสามสี่ตลบ อ่านก็ไม่ถูก แต่ก็เซ็นให้
พ่อยินยอมทุกอย่าง แล้วอะไรทำให้เกิดประเด็นกันขึ้น?
สุทิน : พ่อมีเงินแค่ 2 พัน กว่าจะหามาได้ ไม่ได้เก็บได้นะ พอวางเงิน 2 พัน จะผูกแขนให้เขาครองรักกัน ทางโน้นก็บอกว่าเอามาทำไม 2 พัน ไม่เอา จะเอาหมื่นนึง เงินผมไม่มีค่าสำหรับพวกคุณ ก็เลยหยิบเงินมาใส่กระเป๋า สำหรับผมเงิน 2 พันมีค่า ถ้าอย่างนั้นพูดกันไม่ได้แล้ววันนี้ ก็ขอยุติ กลับก่อน แล้วก็ออกมาเลย
ทนายแก้ว : ตอนนั้นลูกชายไปด้วยมั้ย
สุทิน : ไป แต่มีแต่นางมดพูดอย่างเดียวว่าพูดกันแล้ว คุยกันแล้ว
ในคลิปแม่ของหนุ่มมาแอ่นก้นทำไม?
สุทิน : เหมือนหนังคนละม้วนไง เขาไม่พอใจมาหักหลังเขาอย่างนั้น
มาฟังฝั่งมด เรื่องเป็นยังไง?
มด : รู้จักกันวันแรก ไม่ใช่ 26 นะคะ รู้จักกับหนุ่มวันที่ 21 ที่พ่อบอกว่าหนูไปนอนบ้านพ่อตอนกลางคืน แล้วพ่อเห็นหนูตอนเช้าวันที่ 26 วันที่ 25 หนูอยู่บ้านหนูนะคะ หนูมาตอนเช้าวันที่ 26 หนูทำงานอยู่ หนูหยุดงานมาวันที่ 26 จะมาเที่ยวหาเพื่อน แล้วพ่อพูดก็แย้งแล้วว่า พ่อบอกว่าเจอหนูวันที่ 26 นอนบ้านพ่อนั่นก็ไม่ใช่ ตอนนั้นพ่อไม่ได้เจอหนูไปเมาอยู่ที่วัด
เขาบอกไปทำบุญไม่ได้กินเหล้า ตกลงพ่อดื่มมั้ย หรือไปงานบุญ?
สุทิน : ไปงานบุญมันก็ต้องมีดื่ม เป็นคำใส่ร้าย งานบุญก็ต้องมีดื่มปกติ
มด : พอหนูเจอพ่อ พ่อบอกหนูไปสวัสดีพ่อไม่จริงเลยค่ะ หนูยังไม่เจอพ่อด้วยซ้ำ เจอพ่อตอนบ่ายๆ งานเขากร่อยไปแล้ว ที่งานบุญวันนั้น เพราะทุกคนในงานวันนั้นมากล่อมพ่ออยู่ พ่อเมาอาละวาดอยู่ในงานทอดเทียนวันนั้น ตอนนั้นแม่ก็ไปเสียเงินเสียทองเพราะพ่อไปอาละวาดเขาในงาน ตร.มาที่วัดหมดจะมาจับพ่อ หนูก็ได้นั่งคุยกับพ่ออยู่ ทุกคนก็นั่งกล่อมพ่อ แต่พ่อเมามาก หนูก็เปิดพัดลมให้พ่อ ลูกสะใภ้คนโตแกก็บอกให้เรานั่งคุยกับพ่อไปก่อน
เอาเรื่องเราเอง กับฝั่งหนุ่ม ไปเจอกันยังไง?
มด : ไปเจอกัน ไปกินเหล้าที่บ้านตู่ วันที่ 21 แล้วพอตกดึกมากแล้ว หนุ่มก็จะไปส่งหนูที่บ้าน หนูก็ตกลงให้พาไปส่งที่บ้าน แต่หนุ่มพาหนูไปที่รีสอร์ต พอตอนเช้า เขาก็พาขี่มาหาตู่ที่บ้าน มาเรียกตู่บอกว่าให้พาไปส่งที่บ้านหน่อย ตู่ก็บอกว่าไปคุยกันเอาเอง ไม่ได้ยุ่งด้วย ไม่ได้อะไร พอตกสายๆ ก็ให้เขาไปส่งที่บ้าน หนูก็ไปทำงานปกติ หนูทำงานอยู่ที่บิ๊กซี ทำงานปกติ 2-3 วัน มันจะมีงานบุญ หนูก็ทักหาตู่ว่าจะไปเที่ยวนะ หนุ่มก็เลยมารับเราที่บ้าน
วันที่ 26 เกิดอะไรขึ้น?
มด : หนูมาตอนเช้ากลางวัน มาเล่นกับเพื่อน แต่เขามีงานที่บ้าน
ตอนนั้นไม่ได้มีอะไรกับหนุ่ม?
มด : คืนที่ 3 ค่ะ ตกล่องปล่องชิ้นไปแล้ว วันที่ 23 นี่แหละค่ะ วันที่ 26 ไปหาหนุ่มที่บ้าน แต่ไม่ได้อยู่ในห้องหนุ่ม ไปตอนกลางวัน หนูออกจากบ้านหนูไปหาเขาที่บ้าน ขี่รถตัวเองไปค่ะ แต่พ่อไม่อยู่ พ่ออยู่วัดค่ะ ไปทำบุญ สักตกเย็นๆ งานจะเลิกแล้ว พ่อแกก็เลยมา แต่ทุกคนหอบมาหมดแล้ว คนทั้งหมู่บ้านหอบแกมา เพราะพ่อแกเมา แล้วพ่อจะมาพูดว่าหนูไปนอนกับหนุ่ม ตื่นเช้ามาเห็นหนูนอนกับหนุ่มมันไม่ใช่
ตู่ : ความหมายพ่อก็พูดถูกนะ สำหรับกรรีหนูนะ วันที่ 26 ไปบุญกลับมา ไปทอดเทียนกลับมา เย็นวันที่ 26 กินหมูกระทะร้องเพลงกัน นั่นคือความหมายพ่อพูดถูก แต่พ่อไม่ได้บอกว่าเช้าวันไหนที่ตื่นมาเจอ คือกินคืนวันที่ 26 พ่อตื่นวันที่ 27 มาเจอมด เพราะ 26 นั่งกินกันจนเย็นแล้ว
วันที่ 27 ตื่นมาปุ๊บคุณเดินออกจากห้องหนุ่มใช่มั้ย?
มด : หนูกลับบ้านค่ะ
แล้วมดกลับมั้ย?
ตู่ : ไม่กลับ เขาก็วนๆ กันทั้งคืน วันที่ 29 เดี๋ยวก็ขี่รถ โทรหาอยู่นั่นแหละค่ะ เขาอยู่ด้วยกันนนั่นแหละค่ะ
ทนายแก้ว : ตกลงวันแรกที่เจอวันที่ 21 คุณก็ค้างกับเขาที่รีสอร์ต แต่ไม่ได้มีอะไรกัน
มด : ใช่ค่ะ ไม่มีค่ะ
วันที่ 26 คุณไม่ได้นอนค้างบ้านหนุ่ม แต่ 27 อยู่ด้วยกันมั้ย?
ตู่ : อยู่ค่ะ เขาก็อยู่ด้วยกัน เขาคุยกันนั่นแหละ ไม่รู้ไปแลกเฟซแลกไลน์กันวันไหน แล้วทางนี้ก็ไม่มีเมีย ทางนี้ก็เพิ่งเลิกกับแฟนมา เขาก็เลยคุยกัน ไม่รู้แลกเบอร์แลกไลน์กันยังไง หนูไม่ได้สนใจ ก็แยกย้ายกันไปนอน ประมาณตีสี่ มดกับหนุ่มไปเรียกหนูว่าให้ไปส่งมดหน่อย หนูเลยบอกว่าหนูไม่ไปยุ่ง ไปส่งกันเองเลย
คุณออกจากงานมั้ย?
มด : ออกจากงานค่ะ
เพื่อไปอยู่บ้านเขาเพื่อไปช่วยทำมาหากิน?
มด : ใช่ค่ะ
รู้จัก 21 วันที่ 27 พ่อตื่นมาเจอตอนเช้า ตกลงคุณไปอยู่บ้านเขาเมื่อไหร่?
มด : คืนวันที่ 29 วันที่หนูออกจากงานค่ะ
ทำไมถึงออกจากงาน?
มด : ก็หนุ่มบอกว่าไม่ต้องไปทำงานแล้ว ให้ออกจากงาน เดี๋ยวเขาจะดูแลเองค่ะ เขาบอกให้หนูไปอยู่ที่บ้านเขาค่ะ เขาบอกว่าพ่อรับรู้หมดแล้ว
พ่อรับรู้มั้ย?
สุทิน : ก็แล้วแต่หนุ่ม เขาอยากทำอะไรก็ทำ
เราเองอยู่บ้านหลังนั้น ตกลงกันเรียบร้อย อยู่วันที่ 29 แล้ววันไหนเขาชวนพ่อไป?
สุทิน : พอวันที่ 29 ก็อ่อยให้พาไปหาพ่อแม่หน่อย พ่อจะฆ่า โน่นนี่ ก็เลยพาไปวันที่ 1 วันหวยออก พ่อจำได้
คุณไปอยู่บ้านเขาวันเดียว ให้พ่อไปสู่ขอเลย?
มด : หนูคุยกันตั้งแต่วันที่ 23 แล้วค่ะกับหนุ่ม แต่วันที่คุยกับพ่อ พ่อบ่ายเบี่ยงกันเรื่อยๆ หนูกับหนุ่มมีอะไรกันตั้งแต่วันที่ 23 แล้ว
สุทิน : ง่ายเกินเนอะ
พอมีอะไรกัน คุณก็คุยกันเรื่องสู่ขอ?
มด : ไม่ได้คุยเรื่องสู่ขอ แต่บอกว่าให้ไปคุยกับผู้ใหญ่ให้หน่อย
ตอนบอกให้พ่อไป บอกมั้ยจะไปคุยเรื่องสู่ขอ?
มด : บอกค่ะ
เขาบอกพ่อมั้ย?
สุทิน : ไม่ได้บอก มีแต่บอกว่าให้พาไปให้พ่อแม่เห็นหน้า
ทนายแก้ว : พ่อยืนยันว่าไม่ทราบว่าการไปวันนั้นคือการไปสู่ขอ
สุทิน : มีแต่บอกว่าถ้าไป ผัวแกจะมาอาละวาดมั้ย ก็พยายามถามแก แกบอกว่าไม่ๆ เลิกกันแล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่ได้มีลูกด้วย
พ่อรู้ได้ไงเขามีลูก?
สุทิน : เพื่อนเขาบอก มีลูก 3 คนด้วย แต่พอนักข่าวไปถาม แกบอกว่ามีลูกคนนึง ผิดมั้ย แกบอกนักข่าวว่ามีลูกคนเดียว แต่วันนี้มี 3 นะครับ ทำไมมีเร็วล่ะ รับไม่ได้ โกหกหมดเลย
พ่อบอกว่าทางคุณเรียกค่าสินสอด 5 หมื่นทองอีก 1 บาท ทำไมวันนั้นพ่อจะจ่ายแค่ 2 พัน?
มด : พ่อบอกว่าพ่อไม่มีเงินค่ะ มีเงินมาแค่ 2 พัน แล้วจะให้ทำยังไง จะมาฆ่ามาเอาประมาณนี้เหรอ ป้าหนูเลยบอกว่าให้หาเงินหน่อย อย่างน้อยๆ หมื่นนึงก็ยังดี แต่จริงๆ ตู่ส่งข้อความมาบอกหนูอีกว่าเขามีเงินไปเป็นแสนๆ วันนั้น ไม่ได้พกเงินไปสองพัน
ตู่ : ความหมายหนูแทนที่จะค่อยๆ พูดกัน ถ้าเขาพกเงินไปเยอะกว่านั้น เขาถูกใจอาจให้เยอะกว่านั้นก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะแต่งแค่ 2 พันแค่นั้น วันนี้เขาให้ 2 พันมัดจำไว้ก่อน ราคาสินสอดก็อยู่เท่าเดิม แค่วันนั้นเขาพร้อมที่จะให้ 2 พันก่อน เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แต่ง และไม่ให้สักบาท
มด : พูดอย่างนั้นได้ไง มีในแชตอยู่
ตู่ : ก็พูดจริง ถ้าพูดถูกใจเขาอาจหาได้มากกว่านั้นก็ได้ ก่อนจะมาก็บอกแล้วว่ามด พ่อกับแม่แกไม่มีตังค์นะ ถ้าให้ไปคุยแกไปอยู่แต่ถ้าให้ไปแต่งเลย แกไม่มีตังค์นะ โอเค รู้เรื่องกันนะ
มด : ตัวเองไม่ได้บอกกับเขาแบบนี้
ตู่ : เรียกมาถามเลย เป็นพยานเลย
มด : ตัวเองบอกว่าถ้าเรียกแกเยอะแกไม่มี แต่ถ้า 3-4 หมื่นแกมีให้อยู่
ตู่ : 3-4 หมื่นก็ไม่น่าให้วันนั้นเลย
มด : ถ้าพันนึงมันถูกแล้วเหรอ พันสองพันที่จะให้แค่นั้น มันไม่ใช่แล้ว เราก็ไมได้อยากได้เงินหรอก แต่เราปรึกษาทุกคนแล้ว
ตู่ : มันอยู่ที่ใจ ถ้ารักกัน
ตอนนี้คุณหนุ่มอยู่ในสาย เขาฟังเรื่องทั้งหมดอยู่ เขาบอกว่ามดโกหก?
มด : โกหกอะไรคะ
หนุ่มคือว่าที่เจ้าบ่าวตอนนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?
หนุ่ม : มันไม่โอเค และไม่ใช่เรื่องพ่อกับแม่หรอกที่ให้ผมหนี ผมหนีเอง เพราะผมไม่เอาครับ ไม่เอาผมถึงหนี เพราะเขาทำร้ายร่างกายผม
มด : ตู่ส่งแชตมาให้หนูดูว่าพ่อแม่เขาส่งหนีแล้ว
ตู่ : ส่งหนีสิ ใครจะไม่รำคาญ วนอยู่นั่น ขับรถวนทั้งคืน
หนุ่ม : ผมหนีเอง ไม่มีใครรู้เลยครับ เพราะว่าผมทำทุกอย่างแล้วครับ ต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็ทำทุกอย่าง เช่นจะไปเดินเรื่อง หาตังค์ หาอะไร ผมให้วันละพัน ผมก็ให้ จะเอาที่นาไปจำนองผมก็จะยอมแล้ว สินเชื่ออยู่ตรงข้ามโรงพัก ผมก็ยอมเขาทุกอย่าง แต่เขามาตบตีผม
มด : ตอนนั้นพ่อเขาไม่ยอมไปสู่ขอ หนูก็ปรึกษาพี่ชายเขา หนูกับเขาไปปรึกษาพี่สะใภ้เขา เขาบอกว่าถ้ายุ่งยาก ถ้าพ่อแม่ไม่ไปให้ นาสูก็เป็นของสู หนูก็ไปทำเอาเอง
เหมือนเอานาไปจำนอง เอาเงินมาให้เรา?
มด : ค่ะ ถ้าพ่อไม่ไป ทำนองนี้
ทนายแก้ว : กรณีของความรัก บังคับกันไม่ได้ กรณีทำบันทึกข้อตกลงกันตรงนั้น มันเป็นเรื่องที่เหมือนกับเป็นบันทึกช่วยจำ จะเอากฎหมายมาฟ้องร้องให้คนสองคนแต่งงานกันไม่ได้ แยกอย่างนี้ครับ กรณีของหมั้นต้องส่งมอบในขณะหมั้น เพื่อจดทะเบียนสมรสเป็นผัวเมียกัน แต่วันที่พ่อไปก็ต้องถามว่าเจ้าบ่าวกับพ่อทราบมั้ยว่าตอนนั้นเป็นพิธีกรรมไปหมั้น ไปสู่ขอ ถ้าไม่ทราบทำบันทึกสัญญากันได้มั้ย หลักกฎหมายทำได้ครับ กรณีเจ้าบ่าวไม่มีเงินไปให้ค่าน้ำนมให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง สามารถทำสัญญาได้ มีผลบังคับ แต่กรณีนี้มันใช้ไมได้ เพราะเป็นการบังคับคนสองคนแต่งงานกัน โดยเอาบันทึกสัญญาที่เขียนไว้อย่างนั้น มันทำไม่ได้ ประกอบกับคู่สัญญาไม่ได้เขียนสภาพผิดสัญญาไว้ ต่อมากรณีฝ่ายหญิง คุณมดผิดข้อหาบุกรุกมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่ผิด เพราะกรณีไปอยู่บ้านคุณพ่อ อยู่ด้วยความสมัครใจ ส่วนเงินที่คุณหนุ่มให้เงินคุณมดไป เอาคืนได้มั้ย ไม่ได้ครับ เพราะให้โดยเสน่หา ไม่มีการหลอกอะไรกัน ส่วนนี้ความรักเอากฎหมายมาบังคับไม่ได้ ฟ้องร้องกันไม่ได้ จะให้คนสองคนแต่งงานต้องเกิดจากความสมัครใจยินยอม
มดรู้สึกเป็นผู้เสียหาย เพราะเธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหนุ่มไปแล้ว จะขอเธอแต่งงาน แต่อยู่ๆ ยกเลิกหมดเลย เงินก็ไม่ให้เลย?
ทนายแก้ว : ต้องดูว่ากรณีที่เขาสมัครใจอยู่กินกัน เขาต้องทราบอยู่แล้วว่ามีการหลับนอนกัน ไม่ได้มีการบังคับ แต่กรณีมีการตกลงกันเท่าที่ฟัง มันยังไม่ชัดว่าฝ่ายชายตกลงจะแต่งงานจริงหรือเปล่า ถ้าเขาตกลงจริงแล้วมาผิดสัญญาฝั่งนี้ก็ฟ้องได้ แต่เหมือนว่าเหตุการณ์พาไปเหมือนเขาตกกะไดพลอยโจร ไม่ได้เกิดจากความยินยอม ดังนั้นจะมาบอกว่าฝ่ายชายผิดสัญญา มันก็ยังฟังไม่ถนัดซะทีเดียว ต้องดูข้อเท็จจริงไป
มดก็รู้สึกว่าเสียเหมือนกัน ถ้าไม่เสียก็ไม่ออกมาพูด พ่อใหญ่ พ่อใหญ่ยอมให้เป็นลูกสะใภ้มั้ย?
พ่อใหญ่ : ไม่ยอม
มด : หนูก็ไม่เอาเหมือนกัน กับหนุ่มหนูก็ยังรักเขาค่ะ
ทนายแก้ว : แต่กรณีที่มดกระทำบางครั้ง ต้องดูว่าผู้ชายเขาจะอาจจะมองว่าเราไปบังคับเขา
มด : ถ้าไม่รักแล้วหนูจะไปอยู่กับเขาได้ยังไงคะ หนูต้องรักเขา
หนุ่มบอกว่าไม่โอเคเลย?
มด : แล้วหนุ่มจะเอายังไง หนุ่มหนีไปเพราะเหตุผลอะไร
คุณทำร้ายร่างกายเขาจริงมั้ย?
มด : หนูไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาเลย
เคยตีเขามั้ย?
มด : หนูบอกเขาว่าให้ตื่น ออกไปขายของช่วยพ่อ เขาก็ไม่ยอมตื่น หนูเลยผลักหัวเขาให้ตื่นๆ ไม่ได้เอาหัวกระแทก ผลักๆ ค่ะ แล้วเขาเขวี้ยงโทรศัพท์ใส่หนู รอยแผลยังมีอยู่เลยค่ะ เขาเดินหายไปเลย หนูก็บอกให้เขากลับมา ให้เขาคุยกับหนูดีๆ เขาบอกไม่คุย พยายามติดต่อเขาตลอด
ทนายแก้ว : เขาไม่ตื่น แล้ววิธีการอย่างอื่น เขานอนต่อ ทำไมไปขยี้หัว คุณไม่ให้เกียรติเขาหรือเปล่า สิ่งที่คุณทำ อาจเป็นเรื่องไปทำเกินไปมั้ย หรือไม่เคยทำมาก่อน เขาอาจไม่พอใจก็ได้นะ
มด : ก็น่าจะอย่างนั้น ก็ขอโทษกันไปแล้ว
พ่อกลับไปแล้ว สองพันก็เอาไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทางเราพยายามติดต่อไปขอเจรจา เพื่อเอาสัญญาไปยื่นว่า 5 หมื่นเราเสียหายไปแล้ว?
มด : ตอนนั้นแม่เขาก็บอกว่าจะมา แม่เขาติดต่อทางบ้านหนูแล้วว่าจะมาวันสองวัน จนเลื่อนมาถึงวันที่ได้แยกกัน เขาก็ไม่มา เราก็เลยไปหาเขาวันที่เป็นข่าว
คุณไปหาเขาที่บ้าน ไปเจรจาเรื่องอะไร?
มด : เรื่องว่าหนุ่มกับพ่อจะเอายังไง
ทนายแก้ว : ฝั่งมดไปทวงเงิน 5 หมื่นมากกว่า ที่จะไปแต่งกับเขา ใช่มั้ย
มด : หนูไม่ได้ไปทวงเงิน 5 หมื่น ตอนแรกที่ไปหนูบอกว่าหนูคุยกับแอดมินบ้านดุง ให้เขาไปช่วยคุยให้ คุยเพื่อแต่งงานนี่แหละค่ะ แต่ทางแม่เขาตัดสายทิ้งทุกอย่าง ไม่ยอมคุยเลย
ทนายแก้ว : ทำไมไม่ไปคุยกับหนุ่ม ไปคุยกับพ่อเขาทำไม
มด : ก็หนุ่มเขาไม่อยู่เลยค่ะ
มดไปกับใคร?
มด : ไปกับแม่ ทางนั้นบอกว่าให้มาคุยมาเจรจา ได้สักนิดสักหน่อยก็ยังดี หนูก็เลยไป นิดๆ หน่อยๆ คือค่าเสียหาย หนูเลยไปกับแม่สองคน ไม่ได้คิดว่าจะวุ่นวายแบบนี้ ไม่ได้คิดจะเอาตร.ไป ไม่ได้คิดจะแจ้งความด้วยซ้ำ ไม่เคยไปแจ้งความอะไรเลย
ฝ่ายเจ้าบ่าวขอไม่ยุ่งแล้ว?
ทนายแก้ว : กรณีคู่บ่าวสาวหรือแฟน เป็นเรื่องความสมัครใจ เอากฎหมายมาบังคับ ฟ้องร้องกันไม่ได้ ส่วนที่เหมือนที่บอกมด การที่มดมาเจรจา ก็อาจดูแล้วคำพูดคุณอาจไม่น่ารัก ฝ่ายโน้นแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณเสียหาย ก็มาไล่ก่อนว่าเสียหายตรงไหน เสียหายจากชื่อเสียงหรืออะไร แต่แน่นอนค่าเสียหายมีไม่มี คุณก็ต้องไปฟ้องร้องเอา แต่ก่อนไปฟ้องร้อง ต้องถามว่าคุณมีสิทธิ์หรือเปล่า สิทธิ์คือผู้ชายรู้หรือเปล่าว่าวันนั้นถูกบังคับให้เซ็น ถูกบังคับให้กรอกตัวเลข
รู้มั้ย?
สุทิน : ไม่รู้เลย
มด : ก็เซ็นตอนที่อยู่ด้วยกันหลายคน
ทนายแก้ว : แต่สถานการณ์เหมือนพาไปเรื่อยๆ ถูกมั้ย 2 พันเขาไม่รู้นะ เขาพกไปพอดีหรือเปล่า
สุทิน : พกไปแค่คิดว่าจะไปผูกแขนให้ลูกครองรักกัน จนกว่าจะได้วันแต่ง มีขันดอกไม้ด้วย ญาติผู้ใหญ่เขาไม่พอใจว่าเงิน 2 พันไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงไปวันนี้ ให้เอาเงินหมื่นมาอย่างเดียว มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มี
พ่อมีเงินแสนมั้ย?
สุทิน : ไม่มีครับ ถ้ามีคงไม่คุยกันยาวอย่างนี้ แล้วที่คุยก็มีแต่เรื่องเงิน ที่ลูกชายผมหนี เพราะถูกบังคับให้หาเงินมา จนไปถือใบที่นาว่อนนั่นแหละ
มด : ก็พ่อบอกว่าพ่อไม่ไป หนุ่มก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
ทำไมคุยแต่เรื่องเงิน?
สุทิน : ตื่นมาตีหัวลูกชายผม คุยแต่เรื่องเงิน ให้ไปหาเงินมา มึงฟังพ่อแม่มึงจะไม่มีปัญญา ถ้ามึงฟังกูจะได้ดี มึงจะไปทำพ่อแม่ทำไม
มด : หนูปรึกษากับพี่ชายเขาตลอด พี่ชายเขาก็ว่าจะพาไปอยู่ แต่พี่ชายเขาไปเที่ยวพัทยา เขาเลยบอกว่าแม่จะไปอีก ทางบ้านหนูไม่โทรรบเร้าอะไรเลย รออยู่ตลอด
ทางฝั่งมด ตกลงแล้วรู้จักเขาวันที่ 21 แล้ววันที่ 29 บอกให้เขาไปสู่ขอเลย เท่ากับเราคบกันมา 8 วัน ขอผูกข้อไม้ข้อมือเลยเหรอ?
มด : ค่ะ หนูก็ให้เขาไปคุยนี่แหละค่ะ เพราะหนูเป็นผู้หญิงหนูก็เสียหาย ชาวบ้านก็รับรู้ ชาวบ้านมาถามทุกวันว่าจะแต่งงานวันไหน แม่หนูก็อับอายมาก แม่หนูไม่สบายด้วย
ทนายแก้ว : กรณีนี้ชื่อเสียงเขาเสียหายเขาก็มีสิทธิ์ แต่การที่มีสิทธิ์ก็ต้องดูว่ามันเกิดจากอะไร กรณีมดเดินไปในบ้านเขา ก็เป็นเรื่องที่สังคมรู้อยู่แล้วว่าคุณก็อาจจะอย่างนั้น เสียหายแล้ว แต่ขอเผือกจริงๆ เถอะ 7-8 วัน ให้เขาแต่งงาน บางทีก็เร็วไปนิดนึง ถ้าจะไปเรียกร้องค่าเสียหายต่อชื่อเสียงก็ทำได้ แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคุณเสียหายแค่ไหน แล้วเขารู้มั้ยว่าเขาต้องมาเป็นสามีคุณ ฟังๆ เหมือนเขาไม่รู้ เหตุการณ์ต่างๆ ฟังแล้วเหมือนเป็นการมัดมือชกเขา เวลาสั้นไปนิดนึงครับ
หนุ่ม ยังไง ตอนแรกคบหากันดีๆ แล้วตอนนี้จะรับผิดชอบเขายังไง?
หนุ่ม : ผมไม่มีปัญญาไปรับผิดชอบอะไร เพราะผมก็ไม่มีเงินครับ พอผมตามใจเขาก็ด่าผม ตีผม แต่ขออย่างเดียว อย่ามาพาดพิงพ่อกับแม่ผมได้มั้ย ผมมีแค่พ่อแม่สองคนแค่นี้ ที่หนีเพราะผมไม่มีอะไรจะรับผิดชอบครับ สิ่งที่เขาต้องการคือเงิน ผมรับผิดชอบไม่ได้ ผมไม่มีเงิน บาทเดียวยังไม่มีเลย ผมหนีไป ผมกินอะไรบ้าง ไปยังไงบ้าง เขายังไม่รู้เลย เขาไปสนุกเฉย ลองให้เขานึกดีๆ ลองให้เขาคิดดีๆ ว่าไปสนุกที่ไหนก่อนผมจะพูดออกไป ผมให้เกียรติเขานะ ผมก็เหนื่อย ตอนนี้ผมไม่สบายจริงๆ ไม่งั้นผมไปเองแล้ว ออกรายการเนี่ย ผมไม่สบาย เป็นไข้ ตั้งแต่หนีไปก็เป็นไข้ เขาต้องการแต่เงิน
หนุ่มบอกให้เขาออกจากงานจริงหรือเปล่า?
หนุ่ม : ไม่เคยเลยครับ
ทำไมหนุ่มลิ้นเปลี้ยๆ ลิ้นดูแข็งๆ?
หนุ่ม : ผมไม่สบายจริงๆ ครับ ผมสติพร้อมครับ
ดื่มย้อมใจเหรอ?
หนุ่ม : ผมดื่มครับ แต่สติพร้อม
แล้วดื่มทำไม เหงื่อมันจะได้ออกใช่มั้ย?
หนุ่ม : (หัวเราะ)
ทนายแก้ว : กลับมารักกันเหมือนเดิมได้มั้ย
หนุ่ม : ไม่ครับ ผมไม่มีอะไรจะรับผิดชอบ เขาต้องการเงิน ผมไม่มี (หัวเราะ)
ทนายแก้ว : มีอะไรจะช่วยเขาได้มั้ย บางอย่างที่เป็นสินน้ำใจแสดงความรับผิดชอบให้เขา
หนุ่ม : ผมไม่มีจริงๆ ถ้าจะมีก็ต้องเอาจากพ่อแม่ ผมไม่อยากเบียดเบียนพ่อกับแม่ เอาแบบนี้ได้มั้ย ขอผมติดคุกแทนได้มั้ย แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ผมไม่เอา ผมไม่ขอคุยด้วย ผมไม่ขอเห็นหน้า ผมพูดจริงๆ
เราจะไม่กลับไปหาหนุ่มแล้ว?
มด : ไม่ค่ะ รักมั้ยก็ยังรักค่ะ เขาพูดมาขนาดนั้นแล้ว แต่หนูยืนยันว่าหนูยังรักเขาอยู่
ทนายแก้ว : ถ้าต้องการอยู่ในครอบครัวเขาจริงๆ ก็ต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่
มด : ตอนอยู่กับเขามันไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้เป็นหนังคนละม้วน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
หนุ่มลูกพ่อหนักนะ?
สุทิน : แกก็งี้แหละ หนีหัวซุกหัวซุน ไม่อยากให้พ่อมีปัญหา เพราะแกบีบแต่เงิน
มีสินน้ำใจให้เขาสักหน่อยมั้ย?
สุทิน : ไม่มีเลยครับ มาถึงขนาดนี้จะมีได้ไง
ทนายแก้ว : ลูกพ่ออาจมีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน การที่เอาลูกสาวใครมาอยู่บ้าน ลูกเขาก็มีพ่อแม่ ก็เลยมองหลักประนีประนอม ใครผิดใครถูกก็ว่าอีกเรื่องนึง มองเรื่องมิตรภาพ นี่กะว่าจะไม่เจอกันเหรอ น้ำใจที่พ่อมี พ่อยื่นให้เขาเถอะครับ ก็คิดว่าเขาพร้อมที่จะรับ ส่วนมดคำขอโทษผู้ใหญ่ก็ควรมีบ้าง มันจะได้จบกัน
ธงเราต้องการอะไร?
มด : หนูต้องการให้รับผิดชอบ ต้องการให้หนุ่มมาวันนี้ ทำไมถึงไม่มา หนูก็ไม่สบายเหมือนกัน หนูยังมาเลย เพราะหนูก็อยากเคลียร์ให้มันจบ ก็พูดอยู่ตลอดว่าอยากเคลียร์ให้จบ
พ่อกับหนุ่มเขาไม่สะดวกแล้ว คิดต่างกันแล้ว จะเอายังไง?
ทนายแก้ว : พูดชัดๆ เลย อยากได้ค่าเสียหายเท่าไหร่ เรื่องรับผิดชอบน่าจะเรื่องเงินเยียวยา เรื่องอื่นไม่ต้องคุยกันแล้ว ถูกมั้ย ต้องการเงินเท่าไหร่
มด : (นิ่ง)
ระหว่างตัวหนุ่มกับเงิน?
มด : หนูก็อยากอยู่กับหนุ่มอยู่ค่ะ แต่อาจมีปัญหากัน ทะเลาะกัน หนุ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง คุยกับเขาจี้เขา เพราะเขาคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาจะกินอยู่ตลอดเวลา
ทนายแก้ว : ถ้าอยากกลับไปคืนดีก็กลับไปคุยกับเขาดีๆ
มด : เขาไม่ยอมคุยค่ะ
พูดตรงๆ นะ ความรักฝืนไม่ได้ เรารักเขาพี่เข้าใจ แต่เขาไม่รักเราแล้วไปบังคับเขาก็คงเป็นไปไม่ได้?
มด : ถ้าเขาไม่เอาไม่อะไรแล้ว ก็เอาค่าเสียหายเลยค่ะ
อยากได้เท่าไหร่ จะได้เคลียร์กันไป?
มด : ครึ่งนึงของค่าสินสอดก็ได้ค่ะ
พ่อจะได้จบๆ กันไป เป็นไปได้มั้ย?
สุทิน : ไม่มีให้ครับ ถ้ามีก็ต้องไปขายที่นามาให้ ถ้าขายที่นาให้เขาก็ไปก่อเหตุที่อื่นอีก คนแบบนี้
ทนายแก้ว : พ่อไหวเท่าไหร่
สุทิน : ไม่ไหวสักบาทเลย
ไม่ให้เลยเหรอ?
สุทิน : ครับ ตั้งแต่เขาพูดจะฆ่าลูกผม ทำให้ลูกผมออกจากบ้านไปนอนไข้ที่ไหน ผมก็ปวดหัว เจ็บใจพอแล้ว
หนุ่มเขาหนีเหรอ ทำไม?
สุทิน : เขาไปบอกแม่ว่าอยู่นี่ไม่ได้แล้ว
มด : ญาติเขาเป็นคนพาไปอยู่อีกที่ แต่ไม่อยากพูดให้เป็นเรื่องใหญ่
สุทิน : แล้วที่บอกว่าถ้าไม่หาเงินมาให้จะให้น้องมาฆ่า
มด : ไม่เคยพูดเลยค่ะ
สุทิน : แม่เขาพูด ได้ยินกันหมด นักข่าวก็ได้ยิน
ตู่ : เขาบอกว่ามาขึ้นรถ ลูกปืนลูกไม่กี่บาทหรอก แล้วก็ด่า แล้วก็ไป นี่คือความจริง
สุทิน : บอกจะให้น้องมาฆ่าไอ้หนุ่มด้วย
เพื่อนจะกลับไปคบกันมั้ย?
ตู่ : หนูตักเตือนเพื่อนตลอด ถ้าจะกลับไปคบก็ไม่มีปัญหาค่ะ คบได้
มด : หนูก็ไม่มีปัญหาค่ะ
ตู่ : นี่พูดความจริง เพราะเรื่องมันเป็นแบบนั้น ไม่มีปัญหา หนูพูดความจริง
ในฐานะคนกลาง อยากให้เป็นยังไง?
ตู่ : หนูบอกว่าค่อยๆ คุย เรื่องเงินทองค่อยๆ เก็บค่อยๆ หาไปสร้างกัน แต่เพื่อนไม่เอา เพื่อนบอกเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ จะให้พ่อไปคุย ไปแต่งอย่างเดียว
มด : ไม่ได้บอกให้ไปแต่งอย่างเดียวนะเว้ย ก็แม่เขาบอกว่าจะไปเอง
อยากให้เขาทำยังไงกัน เขาอยากได้ 2.5 หมื่น?
ตู่ : ถ้าหนูเป็นพ่อก็ไม่ให้สักบาทเหมือนพ่อ จริงๆ
พ่อเอาไง?
สุทิน : บาทนึงก็ไม่ให้
เอาไงทนายแก้ว?
ทนายแก้ว : ถ้าคิดว่าเสียหายก็ไปฟ้องร้อง แต่ศาลพิพากษาว่าเป็นบันทึกสัญญาหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่อง แต่ผมว่าอย่างน้อยอยากให้จบให้เจรจากันดีกว่า คุณมดก็ไม่ขอโทษกันเลยเหรอ
มด : หนูกับพ่อไม่ได้มีอะไรกัน
สุทิน : ผมดีใจ ภูมิใจที่ลูกผมหนีได้ ถ้าลูกผมไม่หนี ผมหนักกว่านี้อีก ผมพูดจริงๆ ผมภูมิใจที่ลูกหนี ถ้าลูกไม่หนีจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาขู่บอกว่าจะเอาน้องมาฆ่า
มด : หนูจะมาฆ่าผัวตัวเองเป็นไปไม่ได้หรอก หนูก็รักเขาอยู่
สุทิน : พูดมั้ยว่าลูกปืนราคาไม่เท่าไหร่หรอก
มด : พูดตอนไหนล่ะพ่อ
ตู่ : ป้าด นักข่าวก็อยู่นั่น
มด : หนูไม่ได้ยินด้วยเลย
เอาเป็นว่าพ่อไม่ให้ จะมองหน้ากันยังไง ไม่ให้ไม่เอาได้มั้ย?
สุทิน : เขาจะมาหากินกันง่ายๆ แบบนี้
เราก็ใช้ชีวิตเราไปได้มั้ย?
มด : ก็ตามกฎหมายค่ะ
ฟ้องเหรอ?
สุทิน : แล้วแต่
มด : หนูไม่เคยไปแจ้งความสักอย่าง
ทนายแก้ว : ฟ้องแล้วก็ไม่รู้จะได้มั้ยด้วยนะ