สาวไทยเผยประสบการณ์สุดช็อก โดนแท็กซี่ปารีสหลอกเงินเกือบล้านบาท

Home » สาวไทยเผยประสบการณ์สุดช็อก โดนแท็กซี่ปารีสหลอกเงินเกือบล้านบาท
โดนหลอกเกือบล้าน

สาวไทยโพสต์เล่าประสบการณ์สุดแย่ที่ปารีส ถูกแท็กซี่หลอกรูดเงินจากบัตรเครดิตเกือบล้านบาท โดยแสดงยอดเงินไม่ตรงกับยอดจริงบนเครื่องรูดบัตร

สาวโพสต์เล่า! ประสบการณ์ยอดแย่ที่ปารีส เจอ Taxi หลอกรูดเงิน 999.99 ยูโร

หากนึกถึงการออกเดินทางไปเที่ยวประเทศในทวีปยุโรปหลายคนคงต้องระมัดระวังของมีค่าต่างๆ เพราะบ่อยครั้งที่ได้ยินข่าวถูกล้วงกระเป๋า โดนปล้นเงินสดหรือของมีค่าต่างๆมากมาย แต่รู้ไหมว่านอกว่ายังมีมิจฉาชีพในรูปแบบอื่น ที่เราคาดไม่ถึง อย่างเช่นกรณีนี้

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ยอดแย่ที่เกิดขึ้นกับตนที่ปารีส เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จนทำให้เธอช็อกและรู้สึกอายจนไม่กล้าออกมาแชร์ประสบการณ์ โดยเธอเล่าว่า “สวัสดีค่ะ มาแชร์ประสบการณ์ Taxi บริการดุจมิจที่ปารีสค่ะ จริงๆ เรากลับจากทริปมาได้ประมาณเดือนนึงแล้วค่ะ แต่ยัง shock เป็นปลาน๊อคน้ำอยู่ แถมรู้สึกโง่ รู้สึกอายด้วย แต่ช่วงนี้ใกล้โอลิมปิค คงจะมีเพื่อนๆ ไปปารีสกันอีกเยอะ ไม่อยากให้มาเจอแบบเราให้โจรได้ใจ วันนี้จะมาแชร์เผื่อให้ทุกคนระวังตัว เพราะส่วนตัวอ่านในกลุ่มยังไม่ค่อยเจอเคสนี้ เลยไม่ทันระวัง ส่วนใหญ่พอพูดถึงปารีสจะเจอเตือนภัยเรื่องล้วงกระเป๋า

นี่ก็เป็นอีกคนที่เตรียมตัวไปปารีส ระวังเรื่องล้วงกระเป๋ามากๆๆๆ ใช้ pacsafe และล๊อคตลอด และเพราะกลัวเงินสดถูกล้วงเลยตั้งใจแลกเงินสดไปไม่เยอะ แค่พอติดกระเป๋าบ้าง และเอาเงินส่วนใหญ่ของทริปไว้ในบัตร travel card เพราะเผื่อมีเหตุใช้ net ไม่ได้ ซิมมีปัญหาอะไรยังไง ยังมีเงินในบัตรให้ใช้ได้

Cityscape of Paris under the sunlight and a blue sky in Fra
รูปภาพประกอบ ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว

ทีนี้ วันเกิดเหตุ คือ มาจาก Brussel ลงสถานีรถไฟ Gare Du Nord และเนื่องจากมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เลยตกลงกันว่าจะนั่ง taxi ไปโรงแรม ซึ่งเคยอ่านที่เตือนกัน คือ ให้ไปขึ้น taxi ที่จุดขึ้นของสถานี อย่าขึ้นที่เค้ามาเรียกตามระหว่างทางเพราะจะโขกราคา ก็ตรงไปตามป้ายจุดขึ้นรถ taxi เลย แถมตอนนั้นมีเจ้าหน้าที่คอยบอกทาง และจัดแถว จัดคิว taxi ให้ด้วย เลยว่าน่าจะโอเค (ถ้าถามว่าทำไมเราไม่เรียกจาก App Bolt หรือ Uber บอกตรงๆ ว่า ถ้าต้องใช้ taxi กะจะใช้ผ่านแอพทั้งหมด ยกเว้นขานี้ เพราะอาจจะคิดไปเองว่าเหมือนประเทศไทย ที่ถ้าเรียกจากแอพมาที่สถานีใหญ่ๆ ที่มี taxi เยอะอยู่แล้ว จะหาจุดขึ้นรถยาก อะไรแบบนั้น)

  • ในที่สุด ลุงลำโพง ยอมลงจากคอนโดชั้น 9 ตร.พบลุงพกอาวุธปืนมาด้วย
  • ส่อแววไม่โปร่งใส! ผู้สมัคร สว. ร้อง กกต. ขอความเป็นธรรม เข้าข่ายการฮั้ว
  • ‘แป้ง นาโหนด’ ตรวจร่างกายก่อนบิน โอด แหวนเพชรหาย ลั่น! ตำรวจเอาไป

พอขึ้น taxi ไป คนขับก็ชวนคุยปกติ มาครั้งแรกเหรอ บลาๆๆ ซึ่งก่อนหน้า ตอนเที่ยวประเทศอื่น เราก็มีขึ้น taxi คนขับก็จะแนวประมาณนี้เหมือนกัน ก็คุยไปสนุกสนาน ทีนี้พอใกล้ถึงโรงแรม คนขับก็ถามว่าจะจ่าย Cash or Card? เราซึ่งมีเงินสดไม่เยอะ และใช้ travel card มาราบรื่นตลอดทริปก็บอกเค้าว่าใช้ Card เค้าก็หยิบเครื่องรูด card สีขาวขึ้นมา ซึ่งที่ตัวเครื่องมันจะไม่มีหน้าจอที่แสดงยอดเงิน แบบเครื่องรูดสีดำที่เห็นบ่อยๆ แต่อันนี้คือ เค้าต้องเอาเครื่องรูดนี้ไปเชื่อมสายกับมือถือเค้า แล้วเปิดแอพที่มือถือเค้า พิมพ์ยอดเงินลงไป submit เข้าเครื่องรูดอีกที เราก็เช็คยอดจากมือถือเค้า และเห็นเค้าพิมพ์ 24.7 Euro จริงๆ เราก็เสียบ card และใส่ pin จบการจ่ายเงิน ก็แยกย้ายกัน เราก็เก็บของที่โรงแรมแล้วไปเดินเที่ยวไม่ได้คิดอะไร

จนพอดีมีจุดที่ว่าจะโอนเงินออกจากบัตร แต่เพิ่งเห็นว่ายอดคงเหลือในบัตรน้อยมากๆๆๆ ตกใจแล้วหนึ่ง ว่าเกิดอะไรขึ้น เจอรายการที่เวลาตรงกับตอนจ่าย taxi ตัดไป 999.99 Euro คือ ตกใจมากกแทบวูบ คิดอะไรไม่ออกเลย คิดแต่โดนแล้วๆๆ ยอดเยอะมากด้วย แบบมึนไปหมด เดชะบุญที่ Instasim ที่ซื้อไป เป็นแพคเกจที่รวมโทรกลับไทยได้ เลยโทรหาบัตร travel card สิ่งที่บัตรขอ คือ ใบเสร็จ ซึ่งไม่มีให้ร๊อกกก น้ำตาจะไหล มันตั้งใจหลอกเราขนาดนั้น และแนะนำให้เราพยายามติดต่อ taxi เพื่อให้เค้าคืนเงิน โอ้โห ยิ่งยากไปกันใหญ่ สิ้นหวังเว่ออร์ พนักงานบัตรแจ้งว่าไม่สามารถ hold ยอดเงิน หรือทำอะไรได้ทั้งนั้น เพราะเราเป็นคนใส่ pin บัตรเอง

ดีที่เราไปกับแฟน แล้วแฟนมีสติ พาเรากลับไปโรงแรมเผื่อมีกล้องวงจรปิดที่ taxi จอดหน้าโรงแรม แต่ก็อย่างที่พอจะทราบ ตึกส่วนใหญ่ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่โรงแรมก็คือสงสารเรามาก พยายามโทรหาทางแก้ สุดท้ายก็ให้ที่อยู่โรงพักเรามา ตอนนั้นเดินไปถึงโรงพักยังไงยังจำไม่ได้ เดินตามแฟนอย่างเดียว 5555 ยังดีที่เราเจอตำรวจที่ดูอิน ดูสงสาร แบบเห็นยอดเงินแล้วตาวาวตกใจกันทุกคน แต่เราก็แทบไม่มีอะไรไปบอกตำรวจเลย ทั้งเลขทะเบียนรถ หรืออะไร เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่อง (เป็นบทเรียนว่าควรถ่ายป้ายทะเบียนทุกครั้ง) ก็ได้ใบแจ้งความมา โทรหาบัตรอีกครั้งว่าพอจะมีช่องทางทำอะไรได้บ้างมั้ย เราได้ใบแจ้งความมาแล้ว น้องพนักงานจึงให้ลองส่งเรื่องปฏิเสธรายการ ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณา 45-90 วัน แต่โอกาสน้อยมาก เพราะการใส่ pin ของเรา (ซึ่งเจ็บปวดด คือ ถ้าเราเห็นยอด 999.99 Euro เราคงไม่ใส่ pin หรอก แต่ตอนนั้นยอดมันแสดง 24.7 Euro เราโดนหลอกไง) แต่ยังไงเราก็ยืนยันจะยื่นเรื่อง ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

สรุป มันเป็นความรู้สึกที่ดิ่งสุดมาก เพราะถ้าโดนล้วงกระเป๋า มันคือ มีคนมาแย่งคุณไป แบบมายื้อ มากระชากไปจากคุณ แต่เวลาโดนแบบนี้ คือ รู้สึกโง่ รู้สึกอาย เหมือนเรายื่นเงินเข้ามือมัน แถมยอดแบบอลังการมากด้วย เงินสดที่ติดตัว 100-200 Euro นี่เด็กๆ ไปเลย โดยความที่บัตรมันสะดวกมาก และเราก็ใช้เที่ยวมาตลอดทริป จนเรานึกไม่ถึงเหตุการณ์แบบนี้เลย

ภายหลังโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายอื่นๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเจ้าของโพสต์กันอย่างต่อเนื่อง เช่น “ขอบคุณที่มาแชร์ค่ะ ถ้าเป็นเราคงไม่รอดเหมือนกัน” “ขอบคุณที่มาแชร์นะคะ Travel Card เราเติมเงินไว้ไม่เยอะ เน้นเติมบ่อยๆ อาจจะได้ Rate ไม่ค่อยดีเท่าแลกเก็บแต่ปลอดภัยกว่าค่ะ” “ขอให้แบงค์ทำเรื่องคืนเงินให้นะคะ สงสัยว่า พวก sms หรือ push message จากแอพต่างๆไม่เตือนเหรอคะ เพราะเราใช้ you trip , scb planet และ ktb travel 3 อันนี้ มันมีเด้งขึ้นมาในมือถือเลยค่ะ มีทั้งเด้ง push ของแอพ และ line connect มาเลยค่ะ” “ขอบคุณมาก ๆ ที่มาแชร์ประสบการณ์ค่ะ ขอให้กิจการ งานเจริญรุ่งเรือง และได้ไปเที่ยวอีกเยอะ ๆ นะคะ” เป็นต้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ