สาวโดนญาติสวมรอย ใช้ทั้งชื่อ-เลขบัตร ปชช. เรื่องว่าพีคแล้ว ฟังคำแก้ตัวยิ่งอีหยังวะ!?

Home » สาวโดนญาติสวมรอย ใช้ทั้งชื่อ-เลขบัตร ปชช. เรื่องว่าพีคแล้ว ฟังคำแก้ตัวยิ่งอีหยังวะ!?
สาวโดนญาติสวมรอย ใช้ทั้งชื่อ-เลขบัตร ปชช. เรื่องว่าพีคแล้ว ฟังคำแก้ตัวยิ่งอีหยังวะ!?

รายการโหนกระแส วันนี้พูดคุยกับสาวคนหนึ่ง ถูกญาติตัวเองแอบอ้าง เอาชื่อนามสกุล เอาเลขบัตรประชาชน ไปสวมรอยทำอะไรมากมาย จนตัวเธอได้รับความเดือดร้อน

คุณพลอยเล่าเรื่องของตัวเองว่า ตนชื่อเดิมชื่อว่า “วริศรา” มีญาติคนหนึ่งเป็นสาวชื่อ สมาย ชื่อจริงชื่อ ชื่อ ”ภูษณาพร“ แค่รู้ว่าคนๆ นี้ลูกของน้องของยายเรา เรามีศักดิ์เป็นหลานของเขา แต่อายุไม่ต่างกันมาก ในชีวิตไม่ได้เจอตัวจริงเขา หรือถ้าเคยเจอก็นานจนจำไม่ได้แล้ว

เรื่องมาเกิดตอนที่มีคนติดต่อมา ว่ามีชื่อของเรา ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน ไปแจ้งความไว้ที่สุพรรณบุรี ทั้งที่เราอยู่ที่ กทม. แล้วก็ไปแจ้งไว้หลายคดี ตำรวจบอกว่า ตอนที่สมายมาแจ้ง เขาไม่ได้บัตรประชาชนตัวจริงมา แค่บอกเลข 13 หลัก ตำรวจก็รับแจ้ง ไม่ได้ดูเลยว่าเป็นตัวจริงตัวปลอม

นอกจากนี้ยังมีตอนที่ แฟนของสมาย ติดต่อมาหาคุณพลอย ถามว่าพลอยใช้ชื่อ “วริศรา แก้วมณี“ หรือไม่ เพราะสมายใช้ชื่อนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งมันเป็นชื่อของคุณพลอย

งานนี้คุณพลอยเลยรีบไปที่สุพรรณบุรี แล้วเจอกันที่โรงพัก เราถามว่าเอาชื่อเราไปแอบอ้างทำไม ทำแบบนี้ทำไม เขาก็ตอบไม่ถูก แต่ก็ยอมรับผิด เราก็แจ้งกับตำรวจไปว่าชื่อนี้มันชื่อเรา

เรื่องทั้งหมดมันเกิดมาตลอด 4 ปี พอไล่เคลียร์ไป คุณพลอยรู้สึกว่ามันเสียหายมาเยอะ ก็เลยไปเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นชื่อใหม่ว่า “วรัญชญา จารุสถิตพัฒน์” ทุกครั้งที่มีใครติดต่อมา เราก็ไปแจ้งความไว้ตลอด แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมสมายถึงยังไปแจ้งความในชื่อวริศราได้อยู่อีก

ต่อมา พลอยมาทราบอีกว่า มีคนทักหาแฟนหนุ่มคนล่าสุดของสมาย ว่าสมายไปขายของออนไลน์ ได้เงินแต่ไม่ส่งของให้เขา ส่งบัตรปรพชาชนมาให้ดู แฟนเขาก็งง เพราะหน้าในบัตรเป็นหน้าสมาย แต่ชื่อนามสกุล เป็นชื่อ ภูษณาพร (ชื่อจริงๆของสมาย) ทั้งที่สมายบอกแฟนมาตลอด ว่าชื่อ วริศรา ตอนให้พาไปหาหมอ ไปโรงพยาบาล ก็ใช้ชื่อ วริศรา แก้วมณี มาตลอด

พอแฟนไปถามสมาย สมายกลับบอกว่า ต้องมีคนตัดต่อรูปบัตรประชาชนดังกล่าว เอาไปใช้ในทางไม่ดีแน่ๆ สมายก็เลยไปทำทีแจ้งความ แจ้งจับคนชื่อ ภูษณาพร (ซึ่งก็คือตัวสมายเอง) ว่าแอบอ้างสร้างเอกสารเท็จ

แต่ปรากฏว่าพอตำรวจเอาเลขบัตรที่สมายแจ้ง คีย์ข้อมูลเข้าไป จอมันก็แสดงชื่อใหม่ของพลอย คือชื่อ วรัญชญา จารุสถิตพัฒน์ แฟนเขาก็ยิ่งงง จนถามสมายว่า ตกลงเธอชื่ออะไรกันแน่ สมายก็โกหกต่อไปอีกว่า สงสัยพ่อแม่แอบไปเปลี่ยนชื่อให้ จากวริศรา เป็นวรัญชญา 

ต่อมามีนายจ้างติดต่อมาหาพลอยอีก ถามว่าตนชื่อมายหรือเปล่า เขาไปสมัครงาน แล้วมีพิรุธ ไม่ยอมให้ดูบัตรตัวจริง แต่ให้เลขบัตรประชาชนมา ปรากฏว่า นายจ้างเอาเลขไปเช็กกับตำรวจ จนเจอว่าเป็นเลขบัตรของพลอย จึงติดต่อมา จนรู้ว่าเขาเอาเลขบัตรของพลอยไปแอบอ้างสมัคงานอีก แต่รอบนี้หนักเข้าไปอีก คือเขาเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นชื่อที่พลอยใช้ในปัจจุบันอีก ซึ่งเป็นไปได้ว่า เขาเห็นชื่อใหม่ของพลอยจากตอนที่ไปแจ้งความนั่นเอง

สมาย โฟนอินเข้ามา เล่าเหตุการณ์ในมุมตัวเอง อ้างเหตุผลว่า มีคนแอบเอาชื่อของตน และชื่อของน้องพลอย ไปกู้เงิน ทั้งที่ไม่ได้กู้ คาดว่ามันเป็นเพราะว่ามีคนแฮ็กเฟซบุ๊กตนไป เอาชื่อน้องพลอยไปแอบอ้างทำนู่นทำนี่เยอะไปหมด

ตนก็เลยไปแจ้งความ ซึ่งตำรวจก็ถามว่าใครเป็นผู้เสียหาย ตนก็เลยบอกไปว่าเป็นชื่อวริศรา แล้วที่บอกว่าเอาชื่อพลอยไปใช้ที่โรงพยาบาล ตนไม่ได้ใช้ ตนแค่เอามือถือสแกน มันก็ขึ้นชื่อนี้มา ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

สมายพูดวกไปวนมา จนไม่มีใครเข้าใจเนื้อความ สุดท้ายสมายบอกว่าทำไปก็เพื่อปกป้องน้อง ไม่เคยเอาชื่อน้องไปกู้เงิน ไม่เคยเอาไปเล่นแชร์ แค่เอาไปแจ้งความปกป้องน้องเท่านั้น

ขณะที่คุณพลอยบอกว่า ที่ฟังมาทั้งหมด เขาแต่งเรื่องวกไปวนมาจนไม่รู้เรื่อง ดูไม่ได้สำนึกเลย ถ้าอย่างนั้นก็ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เขาไปสำนึกผิดในคุกเอา

ขณะที่ทนายปลาย ให้ความเห็นตามมุมกฎหมายว่า การที่อ้างว่าไปปกป้องน้องพลอยด้วยการแจ้งความ มันผิดกฎหมาย คนเราไปแจ้งความก็ต้องแจ้งเรื่องของตัวเอง การไปแจ้งความด้วยชื่อคนอื่น มันแอบอ้าง มีความผิดตามกฎหมาย เป็นอาญาต่อแผ่นดิน แจ้งกี่ครั้งก็ผิดแบ่งเป็นกรรมๆ ไป คดีนี้มันยอมความไม่ได้ ถ้าคุณพลอยไปแจ้งความก็ต้องไปให้การกับตำรวจไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ