เจนนิเฟอร์ บาร์โลว์ สัตวแพทย์ประจำกองทัพสหรัฐ และยังเป็นสาวสุดเซ็กซี่วัย 33 ปี และ ต้องกลายเป็นผู้พิการ ถูกตัดขาเพื่อรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ หลังเจ้าตัวมีอาการเข่าบวม ซึ่งในทีแรกแพทย์บอกว่าแค่อาการเคล็ดหรือแพลง แต่สุดท้ายกลับร้ายแรงกว่านั้น เมื่อเธอมารู้ตัดทีหลังว่า เป็นอาการ แบคทีเรียกินเนื้อคน 

NY Post รายงานเรื่องราวชีวิตของเธอจากการสัมภาษณ์ โดย บาร์โลว์เล่าว่า ย้อนกลับไปตอนเริ่มแรกเมื่อเดือนมกราคมที่่านมา เธอเพิ่งกลับมาจากทริปพักผ่อนที่บาฮามาส แล้วก็เริ่มรู้สึกมีอาการบวมที่เข่าขวา

“มันบวมมาก เข่าขวาขยายใหญ่กว่าเข่าซ้ายอย่างน้อยสามเท่า มันน่ากลัวจริงๆ” บาร์โลว์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ “มันเจ็บปวดแสนสาหัสเลย พอไปแตะหรือสัมผัสโดน มันจะร้อนมาก”

บาร์โลว์ไปหาหมอทันที โดยแพทย์ให้ยาแก้ปวด และบอกว่าน่าจะเป็นแค่อาการแพลงหรือเคล็ด 

แต่ไม่นานหลังจากกลับมาบ้าน บาร์โลว์หมดสติล้มลงกับพื้น เธอถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วน ก่อนจะพบภาวะติดเชื้อ บาร์โลว์ช็อกจากการติดเชื้อ และมีภาวะไตและตับวาย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและยาเพื่อให้เธอทรงตัว

บาร์โลว์ติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ยากและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดเนื้อตาย หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แบคทีเรียกินเนื้อคน” การติดเชื้อที่รุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด อาการช็อก และอวัยวะล้มเหลวได้

บาร์โลว์นอนโคม่าอยู่ 10 วัน โดยเข้ารับการผ่าตัด 12 ครั้ง เพื่อเอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วบริเวณต้นขาออก เธอต้องตื่นขึ้นมาด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ทั้งสับสน และกลัวมาก

แพทย์ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า บาร์โลว์ติดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างไร และเมื่อไหร่ แต่สามารถจัดการการติดเชื้อด้วยยาปฏิชีวนะ และนำเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออกจากขาของเธอได้ทันเวลาท้ายที่สุดก็ต้องถูกตัดขาในเดือนมีนาคม แม้ว่าแพทย์จะพยายามรักษาขาของเธอไว้อย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม