วันที่ 13 พ.ค. 64 นางสาวณิชชา อินทร์ดี อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานห้างดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายภพ อินทรโชติ อายุ 30 ปี ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับนางสาวณิชชา ได้นำเอกสารหลักฐานผลยืนยันการตรวจโควิด-19 จากโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เอกสารใบรับรองแพทย์ รวมทั้งเอกสารสำคัญต่างๆ ที่ยืนยันผลการตรวจโควิด-19 ทั้ง 3 ครั้ง ว่าเป็นลบ
หลังเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุข ได้ออกตรวจพนักงานห้างสรรพสินค้าแบบเชิงรุกทั้งหมด ซึ่งขณะนั้นผลตรวจของนางสาวณิชชา ได้ผลเป็นบวก ติดโควิด-19 ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องความดันลบ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น เป็นเวลา 2 วัน 3 คืน แต่ผลตรวจยืนยันโรคอีกครั้ง ผลปรากฏว่าเป็นลบ ทั้ง 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จึงได้ให้ออกจากโรงพยาบาล เพราะไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
โดยนางสาวณิชชา เล่าว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาแจ้งว่า ตนเองมีผลตรวจเป็นบวก ติดโควิด-19 ตอนนั้นทำให้ตนต้องเข้ารับการรักษา เป็นเวลา 2 วัน 3 คืน ระหว่างนั้นมีเพื่อนร่วมงานและครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงใกล้ชิดตนเองประมาณ 15 คน ต้องหยุดงานและกักตัวที่บ้านด้วยทั้งหมด
ในช่วงที่เข้ารักษาตัว เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่น ได้นำเชื้อตนเองไปตรวจยืนยันอีกครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่าเป็นลบทั้ง 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้ให้ออกจากโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดก็ไปตรวจหาเชื้อเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดผลยืนยันเป็นลบ ไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ตนกลับเข้าไปทำงานปกติ แต่ก็ยังทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ไม่ทราบ ยังคงหวาดกลัว กลายเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม ขนาดจะเข้าลิฟท์ร่วมกับคนอื่น ก็ยังโดนไล่ให้ไปใช้บันไดเลื่อนแทน ทำให้เกิดความเครียดใช้ชีวิตลำบาก ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
นอกจากนี้ตนเองเคยเรียกร้องให้กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ออกมาขอโทษและชี้แจงต่อสังคม เพื่อให้สังคมเข้าใจ แต่กลับได้รับการเพิกเฉยมาโดยตลอด
จนกระทั่งล่าสุดทนไม่ไหว จึงได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อเป็นสื่อกลาง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาขอโทษและรับผิดชอบความผิดพลาดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ อีกทั้งตอนที่หยุดงาน ตนเองครอบครัวและเพื่อนร่วมงานอีก 15 คน ก็ไม่ได้รับเงินเดือน โดยทางบริษัทแจ้งว่าขาดงาน ต้องขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมารับผิดชอบในกรณีนี้ด้วย
ล่าสุดทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยได้มีการย้ายเจ้าหน้าที่คนที่ทำงานผิดพลาด ไปช่วยงานในกองอื่นแทนพร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้