สาวลองชุดแต่งงาน “รักแร้เปียก” โดนร้านปรับเกือบหมื่น แถมชาวเน็ตไม่เข้าข้าง ตอนจบมีเซอร์ไพรส์! แก้ปัญหาได้ตรงจุด

หญิงสาวคนหนึ่งไปที่ร้านเวดดิ้งเพื่อลองชุดเจ้าสาว แต่เธอกลับถูกเจ้าของร้านเรียกค่าปรับ 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) เนื่องจากชุดที่ลองสัมผัสกับเหงื่อของเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจคิดว่าถูกเอาเปรียบ แต่งานนี้ชาวเน็ตกลับไม่เข้าข้าง

สาวจากมณฑลชานตงในจีนแผ่นดินใหญ่ โพสต์ว่าเธอและแฟนของเธอวางแผนจะแต่งงานในปีหน้า และเพิ่งเริ่มมองหาชุดเจ้าสาวที่เหมาะสม เมื่อเร็วๆ นี้เธอไปที่ร้านชุดเจ้าสาวที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นและเลือกชุดมา 2 ชุดเพื่อลอง แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ เมื่อเธอและแฟนของเธอกำลังจะออกจากร้าน พนักงานหญิงของร้านหยุดพวกเขาด้วยสีหน้าลำบากใจและบอกว่าชุดเจ้าสาวที่เธอลองมี “กลิ่น” ที่น่าจะเป็นกลิ่นเหงื่อ จากนั้นเจ้าของร้านก็มาที่ร้านและขอให้เธอซื้อชุดเจ้าสาวดังกล่าว

โพสต์ต้นฉบับกล่าวว่า รักแร้ของเธอมักมีกลิ่นเหงื่อ และห้องลองชุดตอนนั้นไม่มีเครื่องปรับอากาศ และมันร้อนจนเธอเหงื่อออกเล็กน้อย แต่การที่ขอให้เธอซื้อชุดเจ้าสาวนั้นไม่เป็นธรรม หลังถกเถียงกันอยู่นานสุดท้ายเธอต้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สุดท้ายเธอก็ต้องจ่ายเงินตามที่ทางร้านต้องการ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกโกง เธอจึงได้โพสต์ข้อความถามความคิดเห็นจากทุกคนว่า “ใครผิดในเรื่องนี้”

หลังจากโพสต์นั้นถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างไม่เข้าข้างเธอ ความเห็นหนึ่งบอกว่า “ฉันมีร้านชุดเจ้าสาว บางชุดของฉันมีกลิ่นเหงื่อและไม่สามารถซักออกได้ ฉันแนะนำให้คุณอาบน้ำก่อนลองชุด ไม่ใช่ว่าร้านชุดเจ้าสาวไม่เป็นธรรม แต่เพราะเราขายไม่ได้หลังจากที่คุณลอง” 

อีกความเห็นบอกว่า “สิ่งที่แย่ที่สุดคือ คุณรู้ตัวเองว่ามีกลิ่นตัว แต่ก็ยังนำความยุ่งยากมาให้คนอื่น คุณสมควรโดนแบบนี้แล้ว”

ขณะที่ความเห็นอื่นๆ ก็ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น “ถ้าฉันเป็นร้านชุดเจ้าสาว ฉันก็คงถือว่าคุณต้องรับผิดชอบ”, “ถึงเวลาที่จะใช้น้ำหอมระงับกลิ่นตัว”, “ถามทุกคน, คุณยินดีลองชุดที่มีกลิ่นตัวคนอื่นไหม? แม้ว่าจะซักแล้วมันก็ยังมีกลิ่นไม่ดีอยู่”

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจอกระแสตีกลับจากชาวเน็ต หญิงสาวเจ้าของเรื่องก็ได้กลับโพสต์อีกครั้ง เผยว่าเธอได้ไปทำศัลยกรรมรักแร้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเหงื่อและกลิ่นตัวมาแล้ว พร้อมแสดงความเสียใจที่ไม่จัดการกับปัญหากลิ่นตัวของตัวเองก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดปัญหาตามมา เธอให้คำมั่นทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “จะไม่ลองชุดเจ้าสาวอีกจนกว่าจะหายดี”