สาวพีอาร์ “ต่อขนตา” อ้างช่างทำน้ำยาไหลเข้าตา หมอต้องควักลูกตาออก
(6 มิถุนายน 2567) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ใบเฟิร์น (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ว่าได้ไปทำการต่อขนตาที่ร้านแถวบ้านหนองมะนาว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 โดยมีเพื่อนแนะนำ ซึ่งร้านรับทำเป็นบ้าน ได้มีการนัดทำตอนเที่ยง พอทำเสร็จเริ่มมีอาการแสบ ตนก็บอกว่า “เฮ้ยเธอทําไมตาเราแสบจังเลย” แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไร นั่งเป่าพัดลมเดี๋ยวมันก็จะหายแสบ แต่พอให้พัดลมเป่าก็มีน้ำตาไหลตลอด จากนั้นจึงตัดสินใจกลับบ้าน
จนมาเจ็บปวดจริงจริงคือวันที่ 17-18 มีนาคม 67 แล้วจึงได้ซื้อยาแก้อักเสบทาน ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นร้ายแรงจนวันที่ 20 มีนาคม เริ่มเป็นตาสีแดงก่อน แล้วมันก็เป็นขุ่นๆ เป็นฝ้าข้างในแล้ว เลยตัดสินใจไปคลินิกและตกใจมากเมื่อได้รับแจ้งว่าต้องติดต่อญาติ เพราะดวงตาติดเชื้อขั้นรุนแรง เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเดินทางไปโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ซึ่งแจ้งว่าถ้ารักษาที่นี่ไม่มีสิทธิ์การรักษาจะแพงมาก
จากนั้นตนเองจึงเดินทางไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี แพทย์แจ้งว่าต้องแอดมินเลย และเกริ่นว่าต่อให้ดวงตาไม่ได้เอาออก ก็ไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว ตอนนี้ตนต้องทำใจ อยากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์กับคนรักสวยรักงาม ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางละมุงแล้ว
ด้านนายสมยศ นานาประเสริฐ พร้อมด้วย นายพีระชัย ชวรัตน์โชติวงศ์ ทนายความ กล่าวว่าสืบเนื่องจากคุณใบเฟิร์นได้รับความเสียหายต่อขนตา แล้วทําให้เกิดดวงตาเสียต้องเอาออกเรา ก็เลยอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่รักสวยรักงามในการที่จะเสริมความงาม ควรจะหาร้านที่มันเป็นมาตรฐานนิดนึง อย่างกรณีของคุณใบเฟิร์นถือว่าไปรักษาตามบ้านด้วย
ส่วนในเรื่องของรูปคดี คือคดีอาญาซึ่งเราก็ได้แจ้งความดําเนินคดีที่ สภ.บางละมุง แล้ว พนักงานสอบสวนก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่งในการกระทําโดยจงใจหรือประมาณเลินเล่อทําให้เกิดความเสียหายทรัพย์สินร่างกายผู้อื่น ก็ต้องรับผิดในเรื่องของค่าเสียหายด้วย สําคัญก็คือในข้อกฎหมายบอกว่าจงใจทำประมาทเลินเล่อโดยกระทําของผู้อื่นแล้วทําให้เกิดความเสียหายคือเข้าองค์ประกอบทั้งหมด
ในเรื่องของการเรียกค่าเสียหาย คุณเฟิร์นมีอาชีพพีอาร์ซึ่งใช้ความงามในการทํางานหารายได้ ปรากฏว่าสูญเสียส่วนนี้ไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการไปรักษาตัว ค่าใช้จ่ายการเดินทางต่างๆ จะรวบรวมเพื่อฟ้องศาลต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะให้โอกาสทางผู้เสียหายได้มาทําการไกล่เกลี่ยพูดคุย ซึ่งก็รอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกคู่กรณีมาสอบสวน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามร้านที่ต่อขนตา ก็ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพฯ