สาวพลัดตกคอนโดชั้น 26 รอดตายแต่เสียขา 1 ข้าง กู้ภัยเข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แต่ต้องรอหลายชั่วโมงกว่าจะได้รับการรักษาเพราะไม่มีโรงพยาบาลไหนพร้อม หมอโพสต์ถาม ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงเทพฯดีพอแล้วหรือยัง
เพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว ได้โพสต์ภาพและข้อความ เหตุการณ์สาวคนนึงเกิดพลัดตกคอนโดจากชั้น 26 ลงมาด้านล่างบาดเจ็บสาหัส มีกระดูกหักตามร่างกายหลายส่วน พอกู้ภัยปอเต็กตึ้งรับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางไปถึงภายใน 5 นาที เวลานั้นประมาณตี 2 แต่จำเป็นต้องจอดรถรออยู่ที่คอนโดถึงตี 4 เพราะติดต่อหา รพ.นำส่งคนเจ็บไม่ได้ทั้งทีศูนย์เอราวัณพยายามหาให้แต่เนื่องจากไม่มี รพ.ไหนรับ โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา อาทิไม่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ไม่พร้อมหรือผู้บาดเจ็บมีอาการหนักเกินไปที่รับได้ ทั้งที่ความเป็นจริงจุดเกิดเหตุอยู่ห่างถัด รพ.ไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร จึงเกิดคำถามขึ้นว่าเพราะอะไร ทำไมระบบการคัดกรองผู้ป่วยฉุกเฉินถึงมีปัญหาตลอด ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบด้วย
ซึ่งต่อมาได้มีคุณหมอท่านหนึ่งได้โพสต์บอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้านหนึ่งผ่าน เฟซบุ๊ก Narongchai Wongwan โดยระบุว่า
คิดว่า #ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน EMS’s Thailand. โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน #กรุงเทพมหานคร ที่ใครๆก็ขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงของประเทศ” ดีพอแล้วหรือยัง??
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงน้องพยาบาลคัดกรองอาการ สอบถามปลายสายที่แจ้งเหตุ ข้อมูลคร่าวๆ คือ “ผู้บาดเจ็บหญิง พลัดตกจากตึกสูง 26 ชั้น” แม่เจ้า!!!!! ใช่! ไม่ได้พิมพ์ผิด(ทุกคนอุทานพร้อมกัน >> ไม่รอด) เพราะประเมินจาก machanism of injury (กลไกการบาดเจ็บ) แต่ทันใด ก็มี #อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ ถึงที่เกิดเหตุแล้วร้องขอ ALS สนับสนุน ศูนย์สั่งการจึงจัดชุดปฏิบัติการขั้นสูงสนับสนุน โดยมีหัวหน้าทีมเป็น #นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (Paramedic) #พี่บุ๋มและทีม ให้การช่วยเหลือ
>> อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ฉงน นิดๆ ก็ดีหมดนี่นา ระบบก็โอเค รถก็ถึงไว มีทีมสนับสนุน แล้วอะไรที่ไม่ดี หรือถึงได้มาถามว่า “ดีพอแล้วหรือยัง?”
เมื่อชุดปฏิบัติการขั้นสูง ถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้ประเมินสถานการณ์ และให้การช่วยเหลือตามหลักการทางการแพทย์ในที่เกิดเหตุ (on scene care) อย่างเหมาะสม ก่อนทำการนำส่งโรงพยาบาล
ข้อมูลผู้บาดเจ็บสรุปคร่าวๆ ดังนี้
– หญิงวัยรุ่นตกจากที่สูง ความสูงที่ผู้แจ้งแจ้งเหตุไว้คือ 26 ชั้น (ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จ)
– ขณะถึงพื้น ตกไปโดนต้นไม้ก่อนร่วงลงมาที่พื้น
– แรกรับระดับความรู้สึกตัวลดลง
(Alteration of conscious)
– หายใจเหนื่อย ฟังปอดแล้วมีเสียงปอดข้าง
หนึ่งเบากว่าอีกข้าง (decrease breath sound)
– ท้องมีลักษณะเกร็งเมื่อตรวจด้วยการกด
(garding)
– ขาล่าง(ใต้เข่าลงไป) ขาด!!!! (amputation)
– สัญญาณชีพ (Vital sign) ผิดปกติ
ความดันโลหิต (BP.) 80/60 mmHg.,
ชีพจร (P.) 120 bpm. เป็นต้น
จากข้อมูลที่กล่าวมา ในฐานะที่คุณเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ถือว่าความรุนแรงของผู้บาดเจ็บอยู่ในระดับใด (Triage) ทั้ง Response Code (RC) หรือ Emergency Triage ??
จากนั้นทีม ALS จึงเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บขึ้นรถพยาบาลฯ เพื่อทำการกู้ชีพขั้นสูง ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อให้ผู้บาดเจ็บรอดพ้นจากภาวะคุกคามชีวิต (Life Threatening) แล้วพิจารณาให้ศูนย์สั่งการ ประสานงานโรงพยาบาลปลายทางเพื่อรองรับผู้บาดเจ็บ
ตามหลักการ “ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ต้องนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงที่มีศักยภาพในการรักษา” เสมอ! แต่!!!!!!!!
– รพ.ที่ใกล้เคียงที่สุด ห่างจากที่เกิดเหตุ 950 m.
(ไม่สามารถรับได้ ทีมไม่พร้อม หมอศัลย์บอกว่าเกินความสามารถ)
– รพ.อื่นๆ ถัดมา ให้เหตุผล ดังนี้
– ICU trauma เต็ม
– ICU เต็ม
– เกินศักยภาพ
– มีเคสหมดสติในห้องฉุกเฉิน รับไม่ได้
– กำลังจะช่วยผู้บาดเจ็บถูกยิง รับไม่ได้
>> ประสานไปโรงเรียนแพทย์ในพื้นที่ใกล้เคียง ที่มี Trauma Center (น่าจะ 5 ที่ได้) ไม่มีใครรับได้แม้แต่ที่เดียว เอ๊ะ! นี่ขาขาดนะ ไม่ใช่แผลถลอก จะไม่รับเลยเหรอ ? (แต่แผลถลอกก็ไม่รับนะ) เวลาล่วงเลยไป 1 ชั้วโมงกว่าๆ จึงตัดสินใจ #ง้ออ้อนวอนวิงวอนแทบกราบพระบาทา โรงพยาบาลแม่โซน รับให้อย่างไม่เต็มอกเต็มใจ รับเท่าไหร่ เพราะเหตุผลต่างๆนานา แต่ก็เหอะ จะอะไรก็ยอม ขอให้ผู้บาดเจ็บได้รับการช่วยเหลือ ก็เพียงพอ
– ทำไมไม่เข้าไปเลย จะประสานที่อื่นทำไม ฉุกเฉินส่งใกล้สิ UCEP ก็มี?
: เคยเห็น รพ. ปิดประตูทางเข้าแล้วทั้ง คุณพยาบาล คุณหมอ ออกมาด่า ไล่หนีไหมล่ะ
– UCEP ก็มีทำไมไม่ใช้ จะคิดเรื่องเงินทำไม ?
: เขาไม่ได้ยินดีที่จะรับ และให้เข้าเกณฑ์ขนาดน้านนนนน
– โรงเรียนแพทย์เยอะแยะ ส่งไปเลย!
: ไปถึงรอจนชีวาวาย (2-3 ชั่วโมง) ก็ไม่รับ
และที่ผู้บาดเจ็บรายนี้ไม่มีโรงพยาบาลปลายทางรองรับอีกเหตุผลก็เพราะ #สิทธิการรักษาอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีสิทธิใน รพ.ใดๆ ในกรุงเทพฯ
#ดีพอแล้วหรือยัง
ปล. เราไม่ได้เป็นเจ้าของเคส แต่ช่วยประสานงาน รพ. ปลายทางกับน้องพยาบาล
ปล.2 ขออนุญาตเอารูปมาใช้ในการโพสต์นะครับ (ขออนุญาตไม่นำรูปจริงมาใข้เพราะเป็นภาพที่หวาดกลัว รุนแรงมากครับ)