สาวท้อง 7 เดือน แท้งลูกหลังฉีดไฟเซอร์ ผ่าตัดไม่ได้ ล่าสุดให้ยาเร่งคลอดนำศพทารกออกมาแล้ว แพทย์ระบุสาเหตุ “รกพันคอ”
จากกรณี เรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า นายธนวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ออกมาร้องเรียนว่า ภรรยาสาวท้อง 7 เดือน เสียลูกในท้อง หลังจากฉีดวัคซีนโควิด 19 ของไฟเซอร์ โดยพบว่าเด็กไม่ดิ้นหลังจากฉีดเข็มที่ 2 จนตัดสินใจไปพบแพทย์ และพบว่าเด็กในท้องเสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำเด็กออกมาได้
หญิงสาวคนดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรก ในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ซึ่งทุกอย่างปกติดี ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อมาเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 13 กันยายน 2564 ในช่วงสาย และพบความผิดปกติในช่วงบ่าย เพราะรู้สึกได้ว่าลูกไม่ดิ้น จึงไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ ในเวลาประมาณ 16.30 น. เพื่อตรวจร่างกาย ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง แพทย์แจ้งว่าเด็กในท้องเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เพราะต้องรอให้เด็กออกมาและชันสูตรก่อน แต่เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากอาการผิดปกติของครรภ์
ขณะที่แม่ของสาวท้องวัย 7 เดือน ระบุว่า แพทย์ยังไม่มีการนำเด็กออกจากครรภ์ เพราะไม่สามารถผ่าตัดได้ เกรงว่าแม่จะเสียเลือด ทั้งที่การตรวจร่างกายของลูกสาวตนเอง แจ้งว่าแข็งแรงปกติดี แต่ต้องรอปากมดลูกเปิดเพื่อคลอดเอง
นายธนวัฒน์ ผู้เป็นสามี ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่มีการพูดถึงวัคซีน เพราะก่อนหน้านี้ภรรยาปกติดีทุกอย่าง ก่อนไปรับวัคซีนเข็มที่ 2 ก็ไปหาหมอมาแล้ว หมอก็บอกว่าแม่และเด็กแข็งแรงดี สามารถฉีดได้ตามปกติและแนะนำให้ฉีดด้วยซ้ำ แต่ลูกของตนกลับมาเสียชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากภรรยาฉีดวัคซีนเข็ม 2 ตนจึงข้องใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ล่าสุด (18 ก.ย.) แพทย์ให้ยาเร่งคลอดนำเด็กออกมาโดยวิธีธรรมชาติ โดยไม่ผ่าตัดเอาเด็กออก เพื่อความปลอดภัยของแม่ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ทางแพทย์บอกว่าเกิดจากรกพันคอ และให้ครอบครัวดูคลิปวิดิโอที่แพทย์บันทึกขณะทำการคลอดด้วย ซึ่งในคลิปจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีรกพันอยู่รอบคอลูกชายของตนสองรอบ และมีการพันเป็นปม ซึ่งแพทย์ระบุว่านี่ คือสาเหตุของการเสียชีวิต
จนถึงขณะนี้ พ่อเด็กย้ำว่ายังสงสัยว่าการที่ภรรยาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 2 มีผลทำให้ลูกเสียชีวิตหรือไม่ เพราะก่อนจะฉีดลูกยังปกติดี อีกทั้งเมื่อได้โพสต์เรื่องราวลงสื่อออนไลน์ ก็มีคนติดต่อแจ้งว่าเจอลักษณะคล้ายกับภรรยาของเขา 2 เคส โดยแคสแรกฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า และอีกเคสฉีดไฟเซอร์
ทั้งนี้ หลังจากนี้ทางโรงพยาบาล จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ สปสช. ตรวจสอบ ส่วนศพของลูกชาย หลังภรรยาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็จะนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป