สาวซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม2แสน หวิดโดนจับที่ฮ่องกง เปิดใจสุดอายเสียงกันขโมยดังลั่น

Home » สาวซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม2แสน หวิดโดนจับที่ฮ่องกง เปิดใจสุดอายเสียงกันขโมยดังลั่น


สาวซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม2แสน หวิดโดนจับที่ฮ่องกง เปิดใจสุดอายเสียงกันขโมยดังลั่น

สาวซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม2แสน หวิดโดนจับที่ฮ่องกง เปิดใจสุดอายเสียงกันขโมยดังลั่น ที่แท้พนักงานลืมเอาออก ด้านแบรนด์ขอโทษแค่ดอกไม้ช่อเดียว

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 24 มี.ค.2566 คุณนภัสสร รัศมีสุริเยนทร์ เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจาก ซื้อกระเป๋าแบรนด์หรู จากช็อปสุวรรณภูมิประเทศไทย แล้วไปเดินห้างที่ฮ่องกง จู่ๆสัญญาณกันขโมยที่อยู่ในกระเป๋าก็ร้องเสียงดัง จนทุกคนคิดว่าตัวเองขโมยของ เกือบจะเรียกตำรวจฮ่องกงมาดำเนินคดี

คุณนภัสสร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2566 ตนซื้อกระเป๋าแบรนด์นี้มาจากช็อปที่สุวรรณภูมิด้วยเงินสด ราคา 207,500 บาท ตอนนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร จ่ายเงินแล้วก็ออกจากช้อปมาตามปกติ ต่อมา วันที่ 13 มี.ค.2566 ตนก็กำลังไปเดินห้างชื่อดังในฮ่องกง ซึ่งกำลังจะเข้าช็อปเสื้อผ้าช็อปหนึ่งแต่ปรากฏว่าสัญญาณเตือนขโมยก็ดังออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนมที่ตนเพิ่งซื้อ

ตอนนั้นตนและสามีตกใจมาก เมื่อเปิดกระเป๋าดูแล้ว ก็เห็นว่ามี สัญญาณกันขโมยห้อยติดอยู่กับกระเป๋าใบเล็กและใบใหญ่ของตน พร้อมกับมีไฟกระพริบตลอดเวลา ส่วนพนักงานร้านเสื้อผ้า ก็คิดว่าตนเป็นขโมย จึงได้ขอตรวจกระเป๋าตนว่ามีสินค้าของเขาอยู่ในกระเป๋าหรือไม่ พร้อมกับ จะเรียกตำรวจถ้าหากว่าไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ตนก็ได้บอกให้เขาใจเย็นๆ เสียงสัญญาณเตือน มันดังจากกระเป๋าของตน พร้อมกับชี้แจงว่า ตนมีบิลใบเสร็จสำหรับซื้อกระเป๋าใบนี้ ทางด้านสามีจึงได้เอาออกมายืนยันว่าเราซื้อกระเป๋าจริงๆ นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก เพราะปกติแล้วสามีจะไม่ค่อยพกใบเสร็จเท่าไหร่ เมื่อตนได้ชี้แจงกับพนักงานร้านขายเสื้อผ้าไปแล้วตนก็ต้องรีบไปที่ช็อปของกระเป๋าแบรนด์นั้น เพื่อที่จะให้พนักงานเอาสัญญาณกันขโมยออกจากกระเป๋า ซึ่งช็อปของกระเป๋าแบรนด์นั้น ห่างจากช็อปเสื้อผ้าที่ตนอยู่ไกลมาก

ตนต้องเดินข้ามตึก ซึ่งในนั้นสัญญาณกันขโมยและไฟในกระเป๋าก็ดังไม่หยุด ตนจะต้องกอดกระเป๋าไว้แน่นแล้วรีบเดินอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงที่ช็อปกระเป๋าแบรนด์ดังกล่าวก็เห็นว่ามีลูกค้าต่อแถวอยู่ประมาณ 20 คิว ตนได้เดินไปขอพบผู้จัดการของร้านและชี้แจงว่าอยากจะให้ถอดสัญญาณกันขโมยที่อยู่ในกระเป๋าให้หน่อย ในตอนแรก พนักงานยังไม่ถอดให้และแจ้งว่า ไม่สามารถเอาออกให้ได้เพราะซื้อคนละสาขา และ ตนต้องรอคิว จะมารัดคิวแบบนี้ไม่ได้

ตนก็ชี้แจงกลับไปว่า ตอนนี้รู้สึกอับอายมาก และเสียงสัญญาณเตือนก็ไม่หยุดร้องสักที ทางด้านพนักงานจึงขอประชุมกันก่อนและบอกให้ตนยืนรอ ห้ามไปไหน โดยใช้เวลาประชุมเกือบ 1 ชั่วโมง พนักงานก็มาแกะสัญญาณกันขโมยออกให้ และแนะนำให้ตนฟ้องสาขาที่ซื้อมา เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน มันทำให้ลูกค้าเสียชื่อเสียง ตั้งแต่ซื้อกระเป๋ามา ก็ไม่เคยมีสัญญาณเตือนดังขึ้นเลย แม้กระทั่งตอนเดินออกจากช็อปที่สุวรรณภูมิ

ผ่านไปแล้ว 3 วัน สัญญาณเพิ่งจะมาเตือนตอนที่กำลังจะซื้อเสื้อผ้าภายในห้างสรรพสินค้าที่ฮ่องกง เหตุการณ์ดังกล่าว เรารู้สึกอับอายมาก เราเป็นนักธุรกิจ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องสายตา และการปฏิบัติของคนก็บอกว่าเราเป็นขโมยแล้ว ทำให้เราเสียความรู้สึกมาก พอวันต่อมา เราก็ได้โทรติดต่อไปยังแบรนด์กระเป๋านี้โดยตรง เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางแบรนด์ได้ขอโทษและยอมรับผิด

โดยหลังจากนี้ก็จะไปตรวจระบบรักษาความปลอดภัยภายในช็อปว่าทำไมสัญญาณกันขโมยถึงไม่ร้องเตือนทางแบรนด์ยืนยันว่าจะส่งดอกไม้มา 1 ช่อ เพื่อเป็นการขอโทษโดยจะฝากพนักงานขับรถมามอบให้ตน ตนจึงถามต่อว่ามีจดหมายแสดงถึงความขอโทษจากทางแบรนด์หรือไม่ ด้านพนักงานบอกว่า ไม่มี และยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของพนักงาน ในฐานะของผู้จัดการ ทำงานมา 10 ปี ทำได้แค่ขอโทษและส่งช่อดอกไม้มาเท่านั้น ไม่สามารถทำได้มากกว่านี้

ตนเสียความรู้สึกกับแบรนด์เป็นอย่างมากเพราะที่ผ่านมาก็ซื้อของแบรนด์นี้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ ยอมรับว่า หลังจากนี้ ไม่อยากจะซื้อของแบรนด์นี้แล้ว และที่มีอยู่ก็อาจจะไม่เอามาใช้แล้ว

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ