ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก คุณ อ. ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อหัวค่ำวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนขับรถจากโคราช มุ่งหน้ากลับ กทม. ระหว่างทางนำรถมาจอดแวะชาร์จไฟฟ้า ที่ปั๊มน้ำมันปั๊มใหญ่ ริมถนนมิตรภาพ ช่วง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
โดยจังหวะที่ ที่ขับเข้าจุดชาร์จ มี 2 แท่นข้างกัน แท่นแรกมีรถจอดชาร์จอยู่แล้ว ตนขับเข้าไปจอดชาร์จอีกแท่นข้างๆ หลังจากที่เสียบปลั๊กชาร์จแล้วก็กลับมานั่งบนรถ
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงทุบดังมาจากหลังรถ ตนตกใจ หันกลับไปมองก็เห็นมีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ยืนใช้มือทุบท้ายรถของตนอยู่ จนต้องลงไปดูว่าพระทำไปทำไม พอลงไปถามว่าทุบทำไม ทุบไม่ได้นะ
ปรากฏว่าพระตอบกลับมาว่า “ทุบได้สิ ทำไมกูจะทุบไม่ได้” แล้วพระก็ไปเปิดประตูรถคันที่จอดชาร์จข้างๆ ตน แล้วหยิบกระปุกยาดมออกมา แล้วเอากระปุกยาดมมาทุบๆๆ ที่ท้ายรถของตนอีก จนตนต้องตะโกนห้าม ทำให้มีพลเมืองดีที่ขับรถกระบะเข้ามาในปั๊ม มาช่วยห้ามด้วย
ส่วนคนขับรถที่จอดชาร์จข้างๆ ซึ่งน่าจะมากับพระ กลับทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตา เอาปลั๊กชาร์จมาเสียบชาร์จไม่เสร็จสักที ทั้งที่ตรงเกิดเหตุเริ่มเสียงดังโวยวายกันแล้ว แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมาพระเริ่มอาละวาด เสียงดัง ด่าตนด้วยคำหยาบคาย ทำท่าจะเข้ามาถีบทำร้าย มีพลเมืองดีเข้ามาห้ามปรามเอาไว้ ตนหันไปหาเจ้าของรถที่มากับพระ ว่าทำไมถึงไม่มาช่วยห้ามเลย ทั้งที่มาด้วยกัน แต่เขาก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้
สุดท้ายตนบอกว่า ต้องเคลียร์ค่าเสียหายกัน เพราะเขามาทำให้รถของตนเสียหาย เป็นรอย ตนบอกคนขับรถคู่กรณีว่าห้ามหนีนะ ต้องเคลียร์กันก่อน ส่วนพระก็ยังอาละวาดไม่หยุด คนขับรับปากว่าไม่หนีแน่นอน แต่สุดท้ายก็พยายามจะขับรถหนี จนตนต้องเอารถไปขวาง จนเกิดอุบัติเหตุชนกันหน้าทางออกปั๊มอีก ปรากฏว่าพระลงจากรถมาแล้วเดินหนีออกไปทางถนนมิตรภาพ
สุดท้ายมีรถของหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่นผ่านมาพอดี ตนจึงตะโกนให้ช่วยจับพระไว้หน่อย เจ้าหน้าที่รีบลงจากรถวิ่งไปตามจับพระไว้ได้ ก่อนจะพากันไปเคลียร์ที่โรงพัก
เมื่อไปถึงโรงพักแก่งคอย คนขับรถให้การว่า ตนรับจ้างมาจากพยาบาลคนหนึ่ง ที่รู้จักกัน ให้ไปส่งพระรูปนี้ที่ วัดแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ ไม่ได้รู้จักกับพระเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ช่วยโทรไปขอเบอร์แม่ของพระมาได้ จนทราบว่า พระมีอาการจิตเวช และขาดยา
ตนปรึกษาตำรวจ ว่าเหตุการณ์นี้ตนเอาเรื่องอะไรได้บ้าง ตำรวจให้คำแนะนำว่า จะแจ้งความฐาน ทำให้เสียทรัพย์ ก็ทำได้ แต่ตนก็เสียเวลา ต้องขับรถมาให้ปากคำที่โรงพักแก่งคอยอีกหลายครั้ง แล้วถ้าพระพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจริง ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตำรวจแนะนำว่าให้ติดต่อสำนักพุทธจะดีกว่า
ตนรู้สึกว่าปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะพฤติกรรมเป็นภัย จึงโทรแจ้งไปที่เบอร์สายด่วน สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เขาแจ้งว่าให้โทรไปแจ้ง สำนักพุทธจังหวัด ที่พระรูปนี้สังกัด จะรวดเร็วกว่า หรือเร็วกว่านั้น ถามีชื่อวัดอยู่แล้ว ให้แจ้งเจ้าอาวาสไปเลยก็ได้ เพื่อให้เจ้าอาวาสพิจารณาว่าจะให้สึกหรือไม่ แต่ถ้าจะแจ้งเรื่องทิ้งไว้ ก็มีขั้นตอนต่างๆ มากมาย อาจจะล่าช้า
สุดท้าย คุณ อ.บอกว่า ทั้งที่ตนเจอเหตุการณ์กับตัวแบบนี้ ผู้ก่อเหตุเป็นพระ แต่พอหงายการ์ดว่าเป็นผู้ป่วย ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย เหตุการณ์แบบนี้ก็อาจไปเกิดกับคนอื่นได้อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สุดท้ายแล้วไม่รู้จริงๆ ควรต้องทำอย่างไร นอกจากมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เพราะพฤติกรรมเป็นอันตราย ถ้าป่วยจริงก็ควรจะไปรักษา ไม่ใช่มาครองผ้าเหลืองแล้วอาละวาดใส่ชาวบ้านแบบนี้