วันที่ 24 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า นอกจากหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเกจิชื่อดังอีสานใต้ ที่มีอายุมากถึง 97 ปี และมีศิษยาณุศิษย์ทั้งชาวไทยและกัมพูชาที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากแล้ว
ในพื้นที่ตำบลด่านฯเดียวกันนี้ ยังมีพระเกจิอีกรูปที่มีอายุมากถึง 112 ปี คือ พระราชมงคลวัชรินทร์ หรือ หลวงปู่มี ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดโพนทอง บ.โพนทอง ต.ด่าน อ.กาบเชิงฯ ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีอายุมากที่สุดในภาคอีสาน หรืออาจจะมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ แม้จะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ชาวบ้านในพื้นที่รู้จักท่านดี ในเรื่องพระสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่เคยเสื่อมเสีย แต่จะเป็นที่รู้จักในกลุ่มสายพระเครื่องวัตถุมงคล แม้จะไม่กว้างขวางมากนัก แต่ก็เคยมีการสร้างเหรียญวัตถุมงคลมาหลายรุ่นแล้ว มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ทราบดีว่า เคยมีชาวบ้านคล้องพระเครื่องของหลวงปู่มีฯแล้วรถบรรทุกอ้อยคว่ำ และเคยมีรถชนยนต์ชนกัน แต่เหลือเชื่อ คนขับกลับรอดปลอดภัย ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
ล่าสุดไม่นานมานี้ ก็มีเซียนพระ อาทิ ทีมงานสายบุญอีสานใต้ และชิโนรส ณ.นางรอง มาร่วมสร้างวัตถุมงคล ประกอบพิธีพุทธาภิเษก รุ่น”เสมา 9 รอบ (ที่ระลึกฉลองอายุครบ 9 รอบ)” โดยมีเกจิคณาจารย์จากวัดต่างๆมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวนับ 10 รูป รวมทั้งหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านช่องจอมด้วย และมีนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ ส.ส.สุรินทร์ เขต 8 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ท่ามกลางประชาชนพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมพิธีจำนวนมาก
สำหรับ หลวงปู่มี ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดโพนทองฯ พึ่งได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ทรงมีพระราชองค์การโปลดเกล้าพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ในราชทินนาม”พระราชมงคลวัชรินทร์ สุจิณธรรมวิจิตร มหาคนิสสร บวรสังฆา รามคามวาสี” เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงที่ท่านอายุได้ 111 ปี อีกด้วย ทั้งนี้หลวงปู่มีฯบ้านเกิดอยู่ที่หมู่บ้านโพนทองแห่งนี้ บวชมาแล้ว 35 พรรษา และด้วยที่ท่านมีอายุที่มากแล้ว ด้วยโรคชรา เดินไม่ได้มาร่วม 2 ปีแล้ว จึงต้องใช้รถเข็นในการเดินทาง โดยมีลูกศิษย์คอยติดตามและเข็นรถไปตามกิจนิมนต์ต่างๆหากประชาชนต้องการเข้าไปกราบนมัสการและทำบุญ สามารถเข้าไปที่วัดบ้านโพนทองได้ทุกวัน