สั่งปิดตลาดซอยไร่รั้งเทศบาลเมืองตราด หลังพบคลัสเตอร์พ่อค้า คนขายรายอื่นโอดกระทบหนัก รายได้หาย วุ่นหาเงินจ่ายเงินกู้รายวัน

วันที่ 4 ก.พ. 65 นายสุรศักดิ์ ภูติภัทร นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองตราด ออกประกาศปิดพื้นที่การแพร่ระบาดเพื่อเป็นการควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัด โดยพื้นที่ที่เทศบาลเมืองตราดทำการปิดประกอบด้วย พื้นที่ตลาดซอยไร่รั้ง ลานบขส., ตลาดเทศบาล2(ตลาดโรงไม้) และซอยสัตยุตม์ อ.เมือง จ.ตราด เป็นระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 – 9 ก.พ. 65 และจะเปิดให้บริการปกติในวันที่ 10 ก.พ. โดยผู้จำหน่ายสินค้าทุกคนต้องมีผลตรวจATK ไม่เกิน 72 ชั่วโมง มาแสดงว่าปกติถึงจะจำหน่ายสินค้าได้

ทำให้บรรยากาศการค้าขายในตลาดซอยไร่รั้ง และตลาดโรงไม้มีประชาชนชาวตราดเดินทางมาซื้อสินค้าไม่มาก และมีแผงค้าขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้าในซอยไร่รั้ง และลานบขส.จำนวนกว่า 20-30 แผง ว่างไม่มีการจำหน่าย ซึ่งแผงที่ไม่มาจำหน่ายเนื่องจากมีแม่ค้าพ่อค้าติดเชื้อไวรัสโควิด จึงไม่เดินทางเข้ามา

นางฟาติมา กิจจาธร แม่ค้าขายอาหารทะเลสด กล่าวว่า ที่พ่อค้า แม่ค้าไม่มา เพราะหลายแผงติดเชื้อโควิดและประชาชนไม่กล้าเข้ามาซื้อสินค้าในตลาด เพราะว่า เกรงว่าจะติดโควิด ซึ่งปัญหานี้ยอมรับได้ แต่สิ่งที่กระทบตามมาก็คือ การที่เทศบาลเมืองตราดจะปิดตลาด 5 วัน จะเกิดผลกระทบต่อรายได้ของพ่อค้า แม่ค้า ที่ต้องหาเช้ากินค่ำและยังต้องใช้หนี้รายวันให้กับธนาคารและเงินกู้เอกชน

จึงอยากจะให้เทศบาลเมืองตราดแก้ไขหรือลดวันปิด เพราะช่วงตรุษจีนก็ปิดมาแล้ว 2 วัน รวมทั้งเข้ามาป้องกันการติดเชื้อโรค โดยเร็วซึ่งพ่อค้าแม่ค้าพร้อมจะสนับสนุนมาตรการที่เทศบาลเมืองตราดที่จะมาดำเนินการในอนาคต

ด้าน นางอำไพ ถนอมชาติ แม่ค้าขายอาหารสำเร็จรูป ในตลาดซอยไร่รั้ง เปิดเผยว่า ยอมรับได้กับการต้องปิดเพราะแม่ค้าพ่อค้าจำนวนหนึ่งติดเชื้อโรคโควิด แต่การปิดนานถึง 5 วันจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของแม่ค้าในตลาดที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายรายวัน เมื่อขาดรายได้ก็ไม่มีเงินไปจ่ายหนี้สินที่กู้เงินมาลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัว จึงอยากให้ทางเทศบาลเมืองตราดเยียวยาพ่อค้าแม่ค้าที่ขาดรายได้ไป ส่วนมาตรการในการป้องกันจากทางสาธารณสุขนั้นพร้อมที่จะปฏิบัติ แต่ควรจะไม่นานหลายวัน

ส่วนที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองตราด นายสุรศักดิ์ ภูติภัทร นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองตราด เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลเมืองตราด ครั้งที่ 1/2565 ที่มี นายฬุวัฒน์ กิจวิรัตน์ ปลัดเทศบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมหัวหน้าชุมชน ร่วมประชุม และมีนายจรัญ สืบสอน หัวหน้ากลุ่มงานสุขศึกษาและหัวหน้าควบคุมโรคและระบาดวิทยา โรงพยาบาลตราด เพื่อพิจารณาถึงปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ที่พบการแพร่ระบาดมาตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.พ. 65

นายจรัญ ได้แจ้งที่ประชุมว่า จากการตรวจหาเชื้อและการสอบสวนโรคพบว่า มีพ่อค้าในตำบลหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองตราดนำเชื้อมาเเพร่ในพื้นที่ค้าขาย และมีการไม่สวมหน้ากากทำให้ติดเชื้อขึ้น จากนั้นได้แพร่ไปยังกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งช่วงเทศกาลตรุษจีนก็มีญาติพี่น้องกลับมาเยี่ยมญาติ ได้นำเชื้อเข้ามาเพิ่ม และมีชาวตราดเดินทางไปฝึกอาชีพใน จ.เชียงราย และติดเชื้อมาให้ครอบครัว ซึ่งทำให้ในรอบ 3 วัน คือ วันที่ 1 -3 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 39 ราย

โดยเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลเมืองตราด 13 ราย นอกนั้นเป็นพื้นที่ในตำบลใกล้เคียง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เชื้อมีการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง หากไม่ทำการปิดตลาดเทศบาลในพื้นที่แพร่เชื้ออาจจะเกิดการแพร่ระบาดไปอีกจำนวนมาก ซึ่งการปิดในระยะเวลา 5 วัน จะสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ดี ซึ่งหลังจากวันที่ 9 ก.พ. 65 หากจะมีการค้าขายอีก พ่อค้า แม่ค้าจะต้องตรวจเชื้อด้วย ATK ก่อน จึงจะสามารถขายในตลาดได้ ซึ่งจากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า พ่อค้าแม่บางรายไม่สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา จึงส่งผลกระทบดังกล่าวว่า

ขณะที่ นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ทางเทศบาลเมืองตราดไม่ใช้ต้องการที่จะสร้างผลกระทบต่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดที่มีผู้ค้าขายกว่า 150 ราย แต่ที่จำเป็นต้องปิดก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกไปมากกว่านี้ จึงข้อร้องให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าใจและปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้แจ่งล่วงหน้าไว้เพื่อให้เกิดการเตรียมตัว อย่างไรก็ตามยังมีเสียงตำหนิจำนวนมาก ซึ่งพร้อมยอมรับ แต่พ่อค้าแม่ค้าต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่ปฏิบัติเกิดการติดเชื้อขึ้นมาอีก ก็จำเป็นต้องปิดอีก ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อพี่น้องทุกคน และตนเองพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฏหมายหากมีการฝ่าฝืน

สำหรับที่ประชุมมีมติปิดตลาดเทศบาลในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในเขตเทศบาลเมืองตราด เป็นการชั่วคราว ได้แก่ ตลาดสดซอยไร่รั้ง, ตลาดลาน บขส., ตลาดโรงไม้ และตลาดซอยสัตยุฒม์ เป็นระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อป้องกัน ควบคุมโรค และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคฯ

เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่าง ร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558