ถึงตอนนี้เชื่อเหลือเกินว่าแฟนลูกหนังต่างกำลังใจจดใจจ่อกับอนาคตลูกหนังของ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่กำลังจะหมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งเวทีลา ลีกา สเปน ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน นี้
ซึ่งที่ผ่านมากระแสการย้ายออกจาก ถิ่น คัมป์ นู ของเจ้าตัวที่ค้าแข้งมานานกว่า 18 ปี ถือว่าโหมหนักทีเดียว หลังยังไม่มีการเจรจาขยายสัญญาออกไปแต่อย่างใด หนำซ้ำยังตกเป็นข่าวรายวันกับบรรดาสโมสรดังในยุโรปทั้ง แมนฯ ซิตี้, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และอีกหลายทีม
นอกจากนี้ยังมีบทสัมภาษณ์ของเจ้าตัวที่เคยกล่าวกับ LaSexta สถานียักษ์ใหญ่แดนกระทิงดุ เมื่อเดือนมกราคม ที่ทำให้แฟนบอลให้ความสนใจก็คือการที่เจ้าตัวมีความคิดที่จะเลิกเล่นฟุตบอลในยุโรป โดยมุ่งเป้าไปเล่นในศึกลูกหนัง เมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ดูบ้างเหมือนกัน
“ผมเคยพูดไว้บ่อยมากว่าอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับฟุตบอลในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงการใช้ชีวิตที่ประเทศนั้นก็น่าสนใจมากเช่นกัน แต่เรื่องของอนาคตเนี่ย ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า กล่าว
แถมล่าสุด มาร์ก้า สื่อยักษ์ใหญ่สเปน ได้ตีข่าวว่า ดาวเตะวัย 33 ปี ได้ตัดสินใจซื้อ อพาร์ทเมนต์สุดหรู ที่เมืองไมอามี่, รัฐฟลอริดา ด้วยมูลค่าสูงถึง 7.3 ล้านยูโร (ประมาณ 280 ล้านบาท) ถือเป็นการตอกย้ำกระแสเข้าไปอีกขั้น
โดย อพาร์ทเมนท์สุดหรูแห่งนั้น ตั้งอยู่ริมชายหาด ซันนี่ ไอเซิล เป็นอาคารชุด 39 ชั้น ที่ก่อสร้างโดยแบรนด์ Celromalina LLC มีขนาก 511 ตารางเมตร และพื้นที่ระเบียง 195 ตารางเมตร ทุกห้องสามารถมองวิววิวทะเลสาบได้รอบ 360 องศา
ภายในห้องชุดต้องบอกว่าหรูหราสมราคา ด้วยขนาด 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, ห้องสำหรับเด็ก นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมทั้งห้องออกกำลังกาย, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, ห้องเก็บไวน์ และ ตู้แช่ไวน์ 1,000 ขวด พิเศษยิ่งกว่าด้วยการมีเชฟคอยให้บริการอาหารตลอด 24 ชั่วโมง
นั่นทำให้สื่อหลายสำนักคาดการณ์กันว่า ลิโอเนล เมสซี่ อาจจะวางแผนบั้นปลายการค้าแข้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หลังเมื่อปีก่อนก็เพิ่งจะซื้ออพาร์ทเมนท์ Porsche Design Tower ที่ตั้งอยู่ริมชายหาดไมอามี่ มาแล้ว
ด้วยความที่อพาร์ทเมนต์สุดหรูทั้งสองของ ดาวยิงฟ้าขาว ตั้งอยู่ในเมืองไมอามี่ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อกันว่าหากเจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปเล่นในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ จริง ก็คงจะหนีไม่พ้นสโมสร อินเตอร์ ไมอามี่ ซีเอฟ ที่มีเจ้าของชื่อ เดวิด เบ็คแฮม นั่นเอง