ในบรรดาสารอาหารและแหล่งโภชนาการต่างๆ มีแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกายแบบสุดๆ บทบาทของมันคือการสร้างมวลกระดูก และชะลอการผุกร่อน ไปพร้อมๆ กับเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างร่างกายในตัว หรือก็คือร่างกายคนเราไม่ว่าจะวัยไหน ล้วนแต่ต้องการแร่ธาตุอย่าง แคลเซียม (Calcium) ด้วยกันทั้งนั้น
เราต่างรู้ว่าแคลเซียมคือแร่ธาตุสุดสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ด้วยความที่เรามองไม่เห็นกระดูกในร่างกายได้ (ถ้าไม่นับที่ฟัน) จึงทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยละเลยการเสริมแคลเซียมให้กับร่างกาย พอรู้ตัวอีกที มวลกระดูกที่แข็งโป๊กมาตลอด กลับส่งสัญญาณร้องบอกให้เห็นอาการที่น่าเป็นห่วงเข้าเสียแล้ว
สัญญาณอันตราย ที่บอกว่าร่างกายเราขาด “แคลเซียม”
เมื่อคนเราขาดแคลเซียม ร่างกายจะส่งเสียงผ่านสารพัดอาการ เช่น
- อ่อนเพลีย
- เหนื่อยง่าย
- นอนไม่หลับ
- ผิวแห้ง
- เล็บเปราะ
หรือที่ร้ายแรงกว่านั้น คือโรคเกี่ยวกับกระดูกจะถาโถมมาแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ปวดตามข้อ กระดูกอ่อนอักเสบ หรือกระทั่ง “โรคกระดูกพรุน” ซึ่งทางสถิติบ่งชี้ว่า เมื่ออายุแตะเลข 30 ปี มวลกระดูกจะเริ่มสูญสลายไป และจะมีผู้หญิงไทยร้อยละ 50 รวมถึงผู้ชายอายุมากกว่า 65 ปี ร้อยละ 20 ที่มีอาการของโรคกระดูกพรุน
อันตรายจากโรคกระดูกพรุน
ความน่ากลัวของโรคกระดูกพรุนและอาการขาดแคลเซียม คืออันตรายที่เป็นภัยเงียบอย่างแท้จริง เพราะปกติแล้วในช่วงอายุระหว่าง 30-35 ปี ร่างกายจะมีทั้งขั้นตอนของการ “สร้างและสลายกระดูก” ที่สมดุลกัน แต่เมื่อวันเวลาล่วงเลยจนเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปี ขั้นตอนการสลายกระดูกจะเริ่มมีมากกว่าการสร้างอย่างชัดเจน หรือพูดได้ว่า “ครึ่งชีวิตของเรา ล้วนอยู่กับขั้นตอนการสลายกระดูกตลอดเวลา”
ขั้นตอนต่อมาเมื่อกระดูกสลายไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มรับรู้ถึงสภาพโครงสร้างแสนจะเปราะบางในตัว เพียงการกระแทกเบาๆ หรือการไอ-จาม จนเกิดบิดเอี้ยวตัวกะทันหัน ก็มากพอที่จะทำให้กระดูกแตกหักได้แล้ว และยังมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการแตกหักครั้งที่ 2 หรือ 3 ตามมา สิ่งเดียวที่มนุษย์สามารถชะลออาการธรรมชาตินี้ได้ จึงมีเพียงการเสริมแคลเซียมให้กระดูกเท่านั้น
อาหารที่มีแคลเซียม
จริงๆ แล้วแร่ธาตุแคลเซียมเป็นอะไรที่อยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิด อย่างแรกที่หลายคนนึกออกคงจะเป็น “นมและผลิตภัณฑ์จากนม” ซึ่งมีปริมาณแคลเซียมที่สูงและยังหาได้ง่าย แต่หากใครไม่สะดวกดื่มนม ก็อาจเลือกแก้ไขได้ด้วยอาหารชนิดอื่น อย่าง พวกปลาตัวเล็ก ผักใบเขียว หรือธัญพืชบางชนิด เช่น งาดำ เป็นต้น
ทำไมเราถึงยังเสี่ยงขาดแคลเซียม?
ในอาหาร 3 มื้อ ที่เราทานไปแต่ละวันนั้น เฉลี่ยแล้วเท่ากับเราได้รับแคลเซียมเพียงวันละ 361 มิลลิกรัมเท่านั้น เทียบกับปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน คือ วัยเด็ก ต้องการแคลเซียมประมาณ 800 มิลลิกรัม/วัน , วัยรุ่น ต้องการแคลเซียมประมาณ 1,300 มิลลิกรัม/วัน และวัยผู้ใหญ่ ต้องการแคลเซียมประมาณ 1,000-1,200 มิลลิกรัม/วัน หรือคิดโดยเฉลี่ยตลอดช่วงชีวิตของคนเรา “ต้องการปริมาณแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัม/วัน” นั่นเอง
นั่นบ่งบอกได้ว่า ถ้าเราใช้ชีวิตสบายๆ ทานอาหารปกติ เราจะขาดแคลเซียมในปริมาณที่ร่างกายควรจะได้ไปเฉลี่ยวันละ 640 มิลลิกรัมเลยทีเดียว หรือเท่ากับเราต้องดื่มนมเพิ่ม อย่างน้อยๆ วันละไม่ต่ำกว่า 3 แก้ว จึงจะได้แคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม หากใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังขาดแคลเซียมอยู่หรือไม่ มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากน้อยแค่ไหน และต้องการยาหรืออาหารเสริมแคลเซียมหรือเปล่า สามารถเข้ารับการตรวจร่างกายกับคุณหมอใกล้บ้านก่อนได้