ลูกสะใภ้โกรธ แม่สามีนำเสื้อผ้าเก่า ๆ มามอบให้หลานแรกเกิด เห็นสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าก็ตะลึง น้ำตาไหลเมื่ออ่าน จม.

เว็บไซต์ Eva.vn รายงานเรื่องราวของหญิงชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งเพิ่งคลอดลูกสาวคนแรก เธอและสามีมีความสุขมาก ญาติและเพื่อน ๆ ผลัดกันมาเยี่ยมและมอบของขวัญ ห้องในโรงพยาบาลก็เต็มไปด้วยสิ่งของสำหรับทารกแรกเกิดทุกชนิด

ขณะที่แม่สามีหลังจากทราบว่าเธอคลอดลูกในตอนเช้า ก็นั่งรถมาจากชนบทมาถึงโรงพยาบาลในตอนเที่ยง โดยถือถุงผ้าใบใหญ่มาด้วย แม่สามีกล่าวอวยพรเธอและหลาน ก่อนจะบอกว่าได้รวบรวมเสื้อผ้าเด็กเก่า ๆ จากญาติ ๆ มาให้เธอเพื่อจะได้ประหยัดเงิน

ในตอนแรกเมื่อลูกสะใภ้เห็นถุงเสื้อผ้าเก่า ๆ ก็รู้สึกโกรธ แม้ว่าสภาพครอบครัวของเธอจะไม่ได้ร่ำรวยเกินไป แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดจะปล่อยให้ลูกสวมเสื้อผ้าเก่าของคนอื่น ยิ่งกว่านั้นมันไม่ขี้เหนียวไปหน่อยเหรอที่แม่สามีจะทำเช่นนี้ เพราะนี่คือลูกคนแรกของลูกชายคนเล็กของเธอ

ลูกสะใภ้ได้แต่ระงับความโกรธ และไม่สนใจที่จะเปิดมัน เมื่อแม่สามีออกไปข้างนอก เธอก็บ่นกับสามีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งมองถุงผ้าก็ยิ่งโกรธแม่สามี จึงบอกให้สามีทิ้งมันไป แต่สามีทนไม่ได้ เพราะนี่คือสิ่งที่แม่ของเขานำมามอบให้

แล้วเขาก็เปิดถุงเสื้อผ้าเพื่อตรวจสอบ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง “โอ้ มีบางอย่างอยู่ในนี้” เมื่อสามีของเธอดึงสิ่งนั้นออกมา ทั้งเขาและเธอต่างก็ตกตะลึงทันที มันเป็นสมุดออมทรัพย์ที่มีชื่อของเธอและจดหมาย

เธอเปิดซองจดหมายอย่างสั่นเทา ข้างในมีข้อความของแม่สามี เขียนไว้ว่า “ลูกสะใภ้ ฉันรู้ว่าถ้าฉันไม่ทำเช่นนี้คุณจะไม่ยอมรับมันอย่างแน่นอน แต่ฉันคิดว่าเนื่องจากฉันไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ หลาน ๆ ถือเป็นการช่วยเหลือเรื่องเงินให้กับลูก ๆ หลาน ๆ ของฉัน เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูหลานของฉันได้ดีที่สุด อย่าปฏิเสธ ใช้มันเพื่อสิ่งที่คุณต้องการและเห็นว่าคุ้มค่า”

ยิ่งเมื่อเห็นตัวเลขในสมุดออมทรัพย์ก็ถึงกับอึ้ง ปรากฎว่าแม่สามีใส่ใจครอบครัวของเธออยู่เสมอ แต่อาจไม่ได้แสดงออกมา บางครั้งทำให้เธอเข้าใจผิดว่าแม่สามีไม่ชอบเธอด้วยซ้ำ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าแม่สามีต้องประหยัดแค่ไหนกว่าจะเก็บเงินจำนวนมากขนาดนี้ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งน้ำตาไหล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะยินดีและยินดีกับความมีน้ำใจของแม่สามีมาก แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่รับเงินจำนวนนั้น และจะส่งกลับไปให้แม่สามี พร้อมส่งเสื้อผ้าเก่า ๆ เหล่านั้นกลับไปให้ด้วย เพราะเธอคงไม่สามารถให้ลูกใช้มันได้ ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่หลาย ๆ คนคงมีความเห็นแบบเดียวกับเธอ