สหรัฐฯ-เยอรมนีจ่อไฟเขียวรถถังให้ยูเครน ลุยมอบทั้งรุ่นเอบรามส์-เลโอเพิร์ด2

สหรัฐฯ-เยอรมนีจ่อไฟเขียวรถถังให้ยูเครน – วันที่ 25 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีเตรียมเปิดทางให้มีการส่งรถถังที่มีความทันสมัยที่สุดในโลกให้ตามคำขอของทางการยูเครนแล้ว เพื่อนำไปใช้ต่อต้านการรุกรานและปลดปล่อยพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครอง

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังเยอรมนีพยายามเตะถ่วงการตัดสินใจมานานและตั้งเงื่อนไขว่าจะยินยอมก็ต่อเมื่อสหรัฐฯจัดส่งรถถังรุ่นล่าสุดของตัวเองให้ยูเครนด้วย

รถถังทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ เอ็ม1 เอบรามส์ รถถังหลักที่ประจำการอยู่ในกองทัพสหรัฐฯ และเลโอเพิร์ด 2 รถถังหลักที่ประจำการอยู่ในกองทัพเยอรมันและอีกหลายชาติในยุโรป

รถถังรุ่น เอ็ม1 เอบรามส์ ของกองทัพสหรัฐอเมริกา (รอยเตอร์)

โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า กองทัพยูเครนจำเป็นต้องมีรถถังที่ทันสมัยเพื่อใช้ทะลวงแนวตั้งรับของกองทัพรัสเซียเพื่อปลดปล่อยพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของผู้เชี่ยวชาญที่คาดว่า รัสเซียอาจะเปิดฉากรุกคืบครั้งใหญ่ครั้งใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงซึ่งจะเป็นการรบที่รวดเร็วและรุนแรง

โดยยูเครนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้โอกาสทองระหว่างที่รัสเซียกำลังจัดกำลังใหม่ช่วงปลายฤดูหนาวขณะนี้ในการฝ่าแนวรับและขับไล่กองทัพรัสเซียออกไปจากยูเครนให้ได้ก่อนตกเป็นฝ่ายตั้งรับ

รถถังรุ่นเลโอเพิร์ด 2 ของกองทัพเยอรมัน (รอยเตอร์)

รายงานระบุว่า การประกาศของนายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้รับการรายงานล่วงหน้าผ่านสื่อท้องถิ่นของเยอรมนี อาทิ เดอ สปีเกล ว่านายชอลซ์จะประกาศไฟเขียวและอนุญาตให้ประเทศอื่นที่มีรถถังรุ่นดังกล่าว เช่น โปแลนด์ สามารถส่งรถถังรุ่นนี้ให้กับยูเครนได้ด้วย

เช่นเดียวกันกับ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล หนึ่งในสื่อทรงอิทธิพลในสหรัฐฯ รายงานเช่นเดียวกันว่า ทางการสหรัฐฯมีแนวโน้มจะส่งรถถังรุ่น เอ็ม1 เอบรามส์ ให้กับยูเครนด้วย สอดคล้องกับเงื่อนไขที่ทางการเยอรมันเคยตั้งไว้ ท่ามกลางคำเตือนจากทางการรัสเซียว่าเป็นการยกระดับการสู้รบและยูเครนจะต้องเป็นผู้ชดใช้

นายอนาโทลี แอนโทนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า หากเป็นความจริงก็จะทำให้ประชาคมโลกได้เห็นว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่คุกคามในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และหากสหรัฐฯส่งรถถังให้กับยูเครนก็จะไม่สามารถอ้างได้อีกต่อไปว่าเป็น “อาวุธเชิงป้องกัน” ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายคุกคามรัสเซียอย่างชัดเจน