สหรัฐระบุ มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงมีความคุ้มกันจากคดีฆาตกรรมคาช็อกกี
วันที่ 18 พ.ย. บีบีซี รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริการะบุว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระชนมายุ 37 พรรษา มกุฎราชกุมารซาอุฯ ทรงมีความคุ้มกันจากการฟ้องร้องคดีฆาตกรรมนายจามาล คาช็อกกี นักวิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ ซึ่งถูกสังหารที่สถานกงสุลซาอุฯในนครอิสตันบูลของตุรกีเมื่อเดือนต.ค. 2561 และหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐเชื่อว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นผู้สั่งการ
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุในการยื่นฟ้องต่อศาลแขวงสหรัฐประจำกรุงวอชิงตันว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงมีความคุ้มกันเนื่องจากทรงได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนก.ย. และพระองค์ทรงปฏิเสธการมีส่วนในการสังหารนายคาช็อกกี
“หลักแห่งความคุ้มกันประมุขแห่งรัฐเป็นที่ยอมรับอย่างดีในกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ” ทนายความของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในเอกสารที่ได้รับการยื่นต่อศาล
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ย้ำว่า การตัดสินดังกล่าวมิใช่การกำหนดความบริสุทธิ์ “นี่คือการตัดสินทางกฎหมายที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำภายใต้หลักแห่งกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศที่มีมาอย่างยาวนานและเป็นที่ยอมรับ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผลคดีของคดีนี้” โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ด้านน.ส.ฮาตีเจ เจนกิส อดีตคู่หมั้นของนายคาช็อกกี หนึ่งในผู้ฟ้องร้องคดีต่อเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และบุคคลอื่น 28 คน เมื่อเดือนต.ค. 2563 ในศาลแขวงสหรัฐประจำกรุงวอชิงตัน โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “จามาลเสียชีวิตอีกครั้งวันนี้” จากการตัดสินเช่นนี้
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียระบุว่า นายคาช็อกกี อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐ ถูกสังหารในปฏิบัติการอันธพาลโดยทีมเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปเพื่อโน้มน้าวให้นายคาช็อกกีกลับซาอุฯ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า สำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) สรุปด้วยความมั่นใจในระดับปานกลางถึงสูงว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
คดีฆาตกรรมนายคาช็อกกกีสร้างความโกลาหลไปทั่วโลกและทำลายภาพลักษณ์ในเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งทรงปกครองซาอุฯ โดยพฤตินัย