สืบเนื่องจากกรณี พ่อโหดทำร้ายร่างกาย ตีลูกน้อยวัย 2 ขวบ เพื่อหวังขอคืนดีกับแม่เด็ก ล่าสุดนั้นทางเพจ เป็นหนึ่ง ก็ได้ออกมาอัปเดตแล้วว่าตอนนี้ แม่ของเด็กได้ยืนยันว่าจะเข้าไปรับลูกและไม่กลับไปคืนดีกับพ่อเด็กเด็ดขาด อีกทั้งทางพ่อเด็กที่ทำร้ายร่างกายลูกนั้น ยังได้ส่งข้อความมาทางเพจว่าขอโทษที่ทำไปเพราะโมโหและรักเมียมากจึงขาดสติ แต่อย่างที่ได้รายการไปก่อนหน้านี้ ว่าการกระทำขอพ่อโหดรายนี้นั้รรุนแรงเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับได้ เพราะเด็กจะได้รับบาดแผลทั้งกายและใจ ทางเพจ เป็นหนึ่ง จึงมาสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้ได้อ่านอีกครั้ง
ต้นเหตุของการร้องเรียน
จากกรณี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67 หญิงสาวรายหนึ่งมาขอความช่วยเหลือกับทางกลุ่มเป็นหนึ่ง เนื่องจาก ลูกชายวัย 2 ขวบถูกอดีตสามีที่เลิกรากันได้ประมาณ 6 เดือน ได้มีพฤติกรรมขมขู่ และได้กระทำการความรุนแรงกับลูกชาย อาทิ โดยการใช้ไม้ฟาดที่หลังจนเป็นรอย ไปกระทั่งหนักที่สุด คือ ชกเข้าที่ปากของน้องจนเลือดกลบปาก โดย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี นั้น
ล่าสุด วันที่ 11 ม.ค. 67 ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ คุณต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง และแม่ของเด็ก ได้เดินทางมาที่ว่าการอำเภอพานทอง ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี (พม.) เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหากับเหตุการณ์กล่าว ก่อนจะมีการลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเด็ก
ความสัมพันธ์แม่และพ่อเด็ก
ทางเป็นหนึ่งได้พูดคุยกับแม่ของเด็ก เผยว่า สาเหตุที่ตนได้มีการเข้ามาร้องเรียนกับเพจเป็นหนึ่งนั้น เพราะตนต้องการนำลูกชายวัย 2 ขวบกลับมาดูแล หลังจากที่ตนเลิกกับฝ่ายชายได้ประมาณ 6 เดือน เนื่องจาก ที่ผ่านมาขณะที่อยู่ด้วยกันตน และลูกชายวัย 2 ขวบมักถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ทั้งตอนเมา และไม่เมา ซึ่งปัญหาที่ทะเลาะกันส่วนมากก็เป็นเรื่องเล็กๆในน้อยๆ และด้วยความที่ฝ่ายชายเป็นคนใจร้อน จึงทำให้ทุกอย่างกลายเป็นปัญหาที่สะสมที่ตนไม่สามารถอยู่ร่วมกับฝ่ายชายได้
แม่เด็กเผยว่า ตนคบหากับฝ่ายชายได้ประมาณหนึ่งปี ก่อนที่จะมีลูกด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงประมาณหกเดือนที่แล้วตนตัดสินใจเลิก และย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากทนพฤติกรรมฝ่ายชายไม่ไหว โดยหลังจากที่ตนย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ฝ่ายชายได้มีการส่งรูปภาพบาดแผลของลูกชายวัย 2 ขวบ พร้อมกับส่งข้อความให้กับพี่สาวและกลุ่มเพื่อนของตน ในเชิงลักษณะข่มขู่ต่างๆนา ๆ เพื่อต้องการที่จะพบตน
สาเหตุที่ไม่ได้เอาลูกไปเลี้ยงแต่แรก
หากถามตนว่า เหตุใดถึงไม่นำลูกชายวัย 2 ขวบไปเลี้ยงดูด้วยกันนั้น เนื่องจาก ณ ตอนนั้น ลูกชายของตนได้อาศัยอยู่กับปู่ และย่า จึงไม่ได้เอะใจอะไร / จนกระทั่งตนมาเห็นภาพบาดแผลของลูกชายที่ฝ่ายชายส่งมาข่มขู่นั้น จึงทำให้ตนทราบทันทีว่า ลูกชายอยู่ในความดูแลของฝ่ายชายซึ่งเป็นพ่อของเด็ก
นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังตามระราน โดยการโพสต์ประกาศ ตามหาตัวผ่าน Facebook อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับข้อความในลักษณะเชิงข่มขู่ ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจเจตนาของฝ่ายชายว่าเขาต้องการอะไร โดยเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายนั้น ตนเคยแจ้งความกับทางเจ้าที่ตำรวจ ในวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างเรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุย แต่ตนก็ไม่กล้าที่จะออกมาพบกับฝ่ายชาย เนื่องจากกังวลในเรื่องของความปลอดภัย
ในส่วนประเด็นที่ฝ่ายชายมีการโพสต์ Facebook ประจานกล่าวหาว่า สาเหตุที่ตนหนีออกจากบ้าน เป็นเพราะตนต้องการเอาเงินค่านมของลูกชายไปเลี้ยงดูผู้ชายนั้น ตนยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ตนออกมาแต่ตัว ไม่ได้มีการพกเงินออกสักบาท และ และไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องตามคำกล่าวอ้างของฝ่ายแต่อย่างใด แต่ที่ย้ายออกมา เพราะทนพฤติกรรมของฝ่ายชายไม่ไหว
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า รู้สึกกังวลในเรื่องของความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แล้วที่ผ่านมาฝ่ายชายได้มีการข่มขู่โพสต์ Facebook ลามถึงพ่อแม่ของตนด้วย และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ ช่วยนำลูกชายกลับมาให้ตนดูแล เพราะตนไม่สามารถทนได้ หากลูกชายยังอยู่ในความดูแลของฝ่ายชาย
ต้นอ้อ เป็นหนึ่งลงพื้นที่
ด้าน คุณต้นอ้อ ชลิดา ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง เผยว่า หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายก็ได้มีการตรวจสอบ และมีโอกาสพูดคุยกับทางคู่กรณี ซึ่งใน ตอนแรกทางคู่กรณี ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนทำ แต่พอลงพื้นที่จากการพูดคุยเขากลับยอมรับว่า เค้าเป็นคนทำเองทุกอย่างเพื่อต้องการให้ฝ่ายหญิงกลับมา
ในส่วนเรื่องของเด็กนั้น หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ พม. ก็ต้องมีการพูดคุยกับพ่อแม่เด็กอีกครั้งว่า จะให้เด็กไปอยู่กับใคร สำหรับ ตนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่นำปัญหามาลงทีเด็ก ไม่ควรใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือในการข่มขู่
ในส่วนรูปถ่ายของรอยตีตามร่างกายของลูกชาย นั้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีการตีหรือทำร้ายลูกชายแต่เป็นการใช้ก้านธูปดีดไปที่ร่างกายของลูกชายเพื่อให้เกิดรอย / นอกจากนี้ ตนยอมรับว่า ยังมีการโพสต์ข้อความข่มขู่ฝ่ายหญิงต่างๆนาๆ เพื่อให้ฝ่ายหญิงเกิดอาการกลัว และไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งการที่ฝ่ายหญิงไปแจ้งความกับตำรวจนั้น อาจจะทำให้ตนได้มีโอกาสพบเจอฝ่ายหญิงอีกครั้ง โดยสิ่งที่ตนทำทั้งหมดนั้น ตนทำเพราะรักฝ่ายหญิงมาก และต้องการเพียงให้ฝ่ายหญิงกลับมาหาตน
ในส่วนภาพที่ตนเขียนคำว่า “ไอ้รูป…” บนตัวลูก นั้น เป็นภาพที่ถ่ายเล่นกัน เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนยังอยู่กินกับฝ่ายหญิงอยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันในส่วนคลิปภาพเหตุการณ์ที่มีเลือดออกจากปากเด็กนั้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการทำร้ายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดจากที่ลูกชายของตนกำลังกินข้าว และสะดุดล้มปากกระแทกพื้น จนเป็นเหตุทำให้เลือดไหลออกมาเท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ตนก็มีพยานอยู่ในที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ถ้าหากฝ่ายหญิงต้องการนำลูกชายไปเลี้ยงดูแลนั้น ตนไม่อยากให้ไป เพราะที่ผ่านมาฝ่ายหญิงก็ไม่เคยมาดูแลลูกชายเลย มีเพียงแต่ภรรยาคนที่ 1 พี่เป็นคนดูแลลูกชายวัยสองขวบคนดังกล่าว (ฝ่ายชายมีภรรยาทั้งหมด 4 คน ลูก 9 คน)
เจ้าหน้าที่ พม. เข้าช่วยเหลือ
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี (พม.) นำโดยนางสาวจันจิรา ไทยบัณฑิตย์ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี และ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้พานางสาวทิพวรรณ (แม่ของเด็ก) มาพูดคุยกับนายอดิศร (พ่อเด็ก) เพื่อพูดคุยและไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น / โดยจากการพูดคุยทางพ่อเด็กยอมรับผิดทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องร่องรอยตีลูกชาย ซึ่งทางพ่อเด็กยืนยันว่าไม่ได้เป็นการตีเด็กแต่เป็นการใช้ก้านธูปดีดตามร่างกายเด็กเท่านั้น ซึ่งทุกอย่างทำไป ทั้งคำขู่ และรูปภาพ ที่โพสต์ลง Facebook เพียงเพราะ รักฝ่ายหญิงมาก และต้องการให้ฝ่ายหญิงกลับมา
ในส่วนเรื่องการเลี้ยงดูเด็กนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุยว่าเด็กจะอยู่ในความดูแลของใคร ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะมีสิทธิ์มากกว่าก็ตามเนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน ประกอบกลับที่ผ่านมาแม่เด็กมีการยืนยันว่า ครอบครัวฝ่ายชายนั้น ดูแลลูกชายวัย 2 ขวบเป็นอย่างดี เพียงแต่ ณ ตอนนี้ ทางแม่เด็กกังวลไม่อยากให้ลูกชายอยู่กับผู้เป็นพ่อเท่านั้น
ที่มา : เป็นหนึ่ง