ตามที่สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ประกาศเปลี่ยนชื่อรายการแข่งขันศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนใหม่ เป็น “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022” หลังได้ผู้สนับสนุนรายใหม่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์หลัก
เดิมที ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ใช้ชื่อการแข่งขันตามผู้สนับสนุนหลักอย่าง “ซูซูกิ” มาตั้งแต่ปี 2008 ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ โดยได้ “มิตซูบิชิ อิเล็กทริก” บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก เข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ ทำให้ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022 ซึ่งจะประเดิมใช้ในทัวร์นาเมนต์ปลายปี 2565 อย่างเป็นทางการ
ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจะกลับมาใช้รูปแบบการแข่งขันในรอบแรกแบ่งเป็นสองสายโดยใช้การเล่นแบบเหย้า-เยือน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการที่ทุกชาติจะได้รับโอกาสในการเป็นเจ้าบ้านทำให้กระแสแฟนบอลในภูมิภาคอาเซียนตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องเปลี่ยนเป็นเจ้าภาพเดี่ยวในครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากโควิด-19
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก ชูสโลแกนประจำการแข่งขันในปี 2022 ว่า “Together, we can build better” เพื่อหวังใช้ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวหลอมรวมความสัมพันธ์ทั้งนักกีฬา, แฟนบอล และผู้มีส่วนร่วมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ฟุตบอล เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022 จะมีการจับสลากแบ่งสายในช่วงปลายเดือนส.ค. ที่ประเทศไทย โดยจะมีการจัดทีมวาง 2 ทีมเพื่อวางไว้ในแต่ละสาย ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า “ช้างศึก”ทีมชาติไทย แชมป์ปี 2016 และปี 2020 (เตะปี 2021) จะเป็นทีมวางอันดับแรก ขณะที่เวียดนามเจ้าของแชมป์ปี 2018 จะเป็นทีมวางในแต่ละสาย ขณะเดียวกันมีรายงานว่าความเป็นไปได้ที่ “อิเหนา”อินโดนีเซีย จะเบียดขึ้นมาเป็นทีมวาง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยว่าการจัดทีมวางเป็นที่แน่นอนแล้วว่าทีมชาติไทย ซึ่งเป็นแชมป์ 2 จาก 3 ครั้งหลังสุดจะได้เป็นทีมวาง ส่วนทีมวางอีกทีมนั้นจะเป็นทีมใดขึ้นอยู่กับเอเอฟเอฟว่าจะมีวิธีคิดคะแนนอย่างไร เพราะอินโดนีเซีย เข้าชิง 2 ครั้งจาก 3 ครั้งหลัง ขณะที่เวียดนามได้แชมป์เมื่อปี 2018
นายพาทิศ กล่าวว่า “ถึงตอนนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกณฑ์การนับคะแนนเพื่อจัดทีมวางฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนนั้นเอาอะไรมาคิดบ้าง แต่เท่าที่ทราบนั่นคือเอาผลงานจาก 3 ครั้งหลังสุดมาคิด”
“ซึ่งจากการเอาผลงาน 3 ครั้งหลังสุด ทีมชาติไทยจะได้เป็นทีมวางอย่างแน่นอน เพราะไทยได้แชมป์เมื่อปี 2016 และปี 2020 เชื่อว่าเราจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่ดีกว่าชาติอื่นๆ ส่วนที่มีรายจากสื่อบางสำนักว่าเวียดนามจะได้เป็นทีมวางคู่กับไทย และบางสื่อบอกว่าอินโดนีเซียจะเบียดเวียดนามขึ้นมาเป็นทีมวางคู่กับไทย”
“อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าเอเอฟเอฟเอาผลงานจาก 3 ครั้งล่าสุดมาคิด คงต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเวียดนาม หรือว่าอินโดนีเซียที่กลายเป็นทีมวาง แน่นอนเวียดนามได้แชมป์ปี 2018 แต่ว่าอินโดนีเซีย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศถึง 2 ครั้งจาก 3 ครั้งหลังสุด คงต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วเอเอฟเอฟ จะเลือกใครเป็นทีมวางร่วมกับไทย”
สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนใน 3 ครั้งล่าสุดทีมชาติไทยผ่านเข้าชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง โดยเมื่อปี 2016 เอาชนะอินโดนีเซีย ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 ปี 2020 ชนะอินโดนีเซีย ด้วยสกอร์รวม 4-2 ส่วนเวียดนามได้แชมป์เมื่อ 2018 จากการชนะมาเลเซีย ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 และผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในปี 2016 และ 2020