‘สมคิด’ แฉยับ ‘ประยุทธ์’ ใช้เส้นสาย แต่งตั้งลูกชาย-ลูกสาว ‘เสกสกล’ รับราชการเป็นตำรวจ เผยไม่แปลกใจพ่อยอมสู้ตายไม่ลืมหูลืมตา จี้ นายกฯ ชี้แจง
เวลา 09.45 น. วันที่ 21 ก.ค.65 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า แม้ ครม. จะมาน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคฝ่ายค้านที่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้เป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนๆ ท่านต้องมา ส่วนจะฟังอยู่ทางไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ปกติตนพูดทีไรนายกฯก็อยู่ทุกที แต่ครั้งนี่อาจะมีภารกิจแต่ก็ไม่ว่ากัน ซึ่งมีครม.มาร่วมรับฟังอย่างน้อยก็ยังดี
วันนี้คนที่เป็นตำรวจต้องฟังทั้งที่อยู่ในหน้าที่และไม่อยู่ในหน้าที่ เพราะต้องปกป้องรักษาองค์กรตำรวจให้มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรอยู่แล้วก็ไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ตัวเองพูด กรณีพล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่กี่เดือนก็จะ 8 ปี จากการยึดอำนาจและกระบวนการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์นัก ท่านลุแก่อำนาจช่วยเหลือบุคคลที่แวดล้อมท่าน บุคคลต่างๆ ที่ทำหน้าที่ให้ท่าน สร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างบาดแผลให้กับลูกหลาน
นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูแลสตช. ถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ซึ่งต้องย้อนไปว่าสตช.ใช้งบประมาณปกติไม่มีอะไรอื่นใด แต่มีหนังสือเวียนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เรื่องงบประมาณและเรื่องต่างๆ ในการดูแลสตช.โดยระบุถึงแนวทางในการปฏิบัติราชการทำให้เห็นคร่าวๆ ว่าผบ.ตร.ต้องดูการบรรจุแต่งตั้งเรื่องการสอบเข้า และทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำรวจ
ทั้งนี้ นายกฯไม่คำนึงถึงผู้คนตกงานหรือบัณฑิตจบใหม่ที่ไม่มีงานทำแต่มีคนบางกลุ่มที่ใช้เส้นสายผ่านสตช. เอาคนเข้ามาดำรงตำแหน่งมาได้หลายวิธี ทราบมาว่า มีลูกชาย ลูกสาว นักการเมืองคนหนึ่งที่ติดกับพล.อ.ประยุทธ์ เรียกว่าจะเป็นจะตายแทนกันได้เอาลูกเข้าตำรวจ เป็นคนอื่นตนไม่เอะใจ เพราะก่อนหน้ามีการนำลูกอดีตผบ.ตร.เข้าเป็นตำรวจ ลูกคนเป็นลูกตำรวจยังพอทำใจได้ อย่างน้อยคนที่เป็นตำรวจใหญ่ได้สร้างคุณงามความดีให้กับหน่วยของเขา
นายสมคิด กล่าวต่อว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จัดการให้คนคนหนึ่ง แต่ก่อนชื่อนายสุภรณ์ ตอนหลังเรียนสูงขึ้นเป็นดอกเตอร์ ชื่อ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ซึ่งไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นเงาตามตัว มีข่าวว่าถึงขนาดจุดไฟแช็กให้กันในทำเนียบ เดินเป็นฝาแฝด เก่งขนาดแต่งตั้งให้ไปดูแลเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลดูไปดูมากลับแบ่งเข้าตัว เดี๋ยวเรื่องราวมีคลิปอื้อฉาวจนสุดท้ายจำใจลาออก
ที่ต้องเอ่ยถึงเพราะลูกของนายเสกสกล ได้รับการแต่งตั้งเป็น ตำแหน่งรองสารวัตร ฝอ.5 กองอำนวยการ กองบัญชาการสืบสวนกลาง (บก.อก.) แต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 และอีกคนลูกสาว บรรจุเดือนเม.ย. 2565 ตำแหน่งกองการต่างประเทศ เป็นการรับในตำแหน่งที่ไม่ได้มีการขาดแคลน
“ผมพึ่งถึงบางอ้อว่าเหตุใดคนเป็นพ่อถึงสู้ตายเพียงข้างๆ คูๆ ช่วยพล.อ.ประยุทธ์ จนไม่ลืมหูลืมตา การแต่งตั้งลักษณะนี้คือเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตนเอง แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะปฏิรูปตำรวจอย่างไร ผมอยากให้ประชาชนรับฟังให้เห็นว่าเมื่อเขามีอำนาจเขาทำอะไรก็ได้ และดอกเตอร์คนนี้ไม่ธรรมดา เสกอะไรก็ได้ การปฏิรูปอะไรต้องดูตัวผู้บริหาร คนเป็นผู้นำองค์กร เพราะตำรวจดีๆ ทำงานเขาเสียน้ำใจ
นายกฯจะต้องตอบเรื่องนี้ว่าแต่งตั้งเข้าไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ความผิดของลูกหลาน แต่เป็นความผิดของคนแต่งตั้ง นายกฯต้องจำไว้ว่าไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินให้ตำรวจเอง เพราะตำรวจแต่ละคนกว่าจะเกษียณคำนวณดูจะต้องเสียเงินกว่า 32 ล้านบาทต่อคน เมื่อแต่งตั้ง 2 คน ก็ใช้ภาษีของประชาชน 64 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีความสามารถในการดำเนินการให้หน่วยงานได้อย่างเต็มที่” นายสมคิด กล่าว