สมคิด เปรย 6 ข้อ ห่วงใยความเปราะบางของสังคม ชี้โลกยุคใหม่ ต้องไม่ประมาท วอนเห็นต่างกันได้ แต่ขออย่าถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ เกลียดกัน จนอยู่ร่วมไม่ได้
วันที่ 15 พ.ค.2565 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ กล่าวปาฐกถา หัวข้อ “สัมมาชีพกับประเทศไทย หัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ” ว่า ตนมี 6 ข้อห่วงใยในความเปราะบางของสังคม เพราะหลังจากหยุดการบรรยายไปได้ 2 ปี แม้จะไม่นาน แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
โดยข้อแรกตนมองว่าโลกที่เรากำลังเผชิญ มีความเสี่ยงสูงขึ้นและไม่แน่นอนขึ้นเรื่อยๆ จนจินตนาการถึงอนาคตได้ยากมาก เพื่อความไม่ประมาทเราต้องเตรียมรับมือ 2.ประเทศของเราเอง ตนคิดว่าสิ่งที่เราเผชิญในตอนนี้เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ และคุณควบคุมไม่ได้ ดังนั้นการบริหารจัดการต้องเข้ม คนต้องใส่ใจ จะเห็นได้จากเมื่อมีโควิด-19 รัฐบาลต้องมีการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็เห็นได้ว่าคุณมองไม่ออกถึงการจัดการ
ตนเชื่อว่าชาติที่จะอยู่รอดกับสถานการณ์นี้คือชาติที่จะต้องคิดยืนด้วยขาของตัวเอง ทั้งเรื่องอาหารการกินเรื่องพลังงาน และมีแหล่งพลังงานที่สำคัญราคาถูกต้องจัดเตรียมให้คนจนไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาทางการเมืองและมีความโกรธแค้นไม่พอใจได้
3.สิ่งที่เคยค้ำจุนเราเกิดจากภายนอกและเริ่มอ่อนแรงลงเราจึงต้องปรับโหมดเปลี่ยนแปลงตัวเองสร้างความเข้มแข็งภายในให้ตัวเอง ซึ่งการสร้างความเข้มแข็งภายในคือการกระจายอำนาจการบริหารและการคลังต้องเน้นภายในไม่ใช่ภายนอก เช่น ถ้าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวจะต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งต้องเปลี่ยนทัศนคติและการบริหารจัดการ
ตนมองว่ากระทรวงที่มีความสำคัญในการพัฒนาคือกระทรวงมหาดไทยที่เป็นกระทรวงที่ครอบคลุม แต่ก็มักจะมีทัศนคติมองการทำงานเพียงเรื่องการปกครองเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนแปลง
4.ตนเห็นความสามารถในการแข่งขันที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งของเรา เช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เริ่มมีหลายประเทศมีการแข่งขัน 5.การเป็นประเทศที่มีนัยยะสำคัญในเวทีการเมืองโลก เมื่อเราพูดถึงอาเซียน เชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่พูดถึงไม่ได้ แต่เรื่องการเมืองเราไม่มีเลย
6.เมืองไทยกำลังประสบภาวะพลังแห่งชาติสลาย ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องความแตกแยกความคิดทางการเมือง การเป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง แม้มีมานานวัน แต่ไม่ได้สลายไป ยังมีเชื้อที่พร้อมปะทุเสมอ เพราะมันมีการให้ข้อมูลที่ให้ร้ายเกิดความบั่นทอน
อย่างไรก็ดีเชื่อว่าสิ่งนี้ มีทุกประเทศแต่ถ้าคนของเรามีสติก็เชื่อว่าจะลดเรื่องเหล่านี้ได้ เข้าใจได้ว่าเรื่องความคิดความเห็นสามารถเห็นต่างกันได้ แต่อย่าให้เป็นปฏิปักษ์แล้ว ถึงขั้นอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย