รองประธานสภาคนที่ 2 ประชุมพรรคการเมืองแบ่ง กมธ.ลงตัว เพื่อไทย-ก้าวไกล พรรคละ 10 คณะ สภูมิใจไทย 5 พปชร.-รทสช. พรรคละ 3 ส่วนประธานรอดูความต้องการแต่ละพรรคก่อน
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อตั้งคณะกรรมการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร 35 คณะ โดยมีสัดส่วน ของพรรคการเมืองที่ได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการดังนี้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย พรรคละ 10 คณะ ,พรรคภูมิใจไทย 5 คณะ , พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคละ 3 คณะ พรรคประชาธิปัตย์ 2 คณะ พรรคชาติไทยพัฒนาและประชาชาติพรรคละ 1 คณะ
ทั้งนี้ จะมีจำนวนสัดส่วนกรรมาธิการ ดังนี้ พรรคก้าวไกล 158 ตำแหน่ง พรรคเพื่อไทย 148 ตำแหน่ง , พรรคภูมิใจไทย 75 ตำแหน่ง , พรรคพลังประชารัฐ 42 ตำแหน่ง , พรรครวมไทยสร้างชาติ 38 ตำแหน่ง ,พรรคประชาธิปัตย์ 26 ตำแหน่ง , พรรคชาติไทยพัฒนา 11 ตำแหน่ง ,พรรคประชาชาติ 10 ตำแหน่ง , พรรคไทยสร้างไทย 6 ตำแหน่ง , พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคละ 2 ตำแหน่ง , พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคละ 1 ตำแหน่ง
จากนั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในที่ประชุม พรรคก้าวไกลได้ขอให้การเลือกตั้ง สส.ที่จังหวัดระยองเสร็จสิ้นเสียก่อน จึงค่อยจัดสรรเพราะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของพรรคก้าวไกล หากพรรคก้าวไกลชนะ แต่ทางตัวแทนพรรคการเมืองของทุกพรรคระบุว่าเราควรที่จะอยู่กับปัจจุบัน ที่มีสมาชิก 499 คน จึงตกลงกันว่าให้เดินตามหลักปัจจุบัน หากรอเลือกตั้งเสร็จกว่ากกต.จะรับรองไม่ใช่ 5 วัน 10 วันอาจจะเป็นเดือนหรือ 2 เดือนก็ได้ จึงขอเอาจำนวนปัจจุบันก่อน เพื่อให้ได้ทำงาน ในฐานะกรรมาธิการ ได้ไปพบประชาชนและแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น ดังนั้น ทุกพรรคก็ได้สัดส่วนที่ระบุไว้ ซึ่งช่วงนี้แต่ละพรรคก็จะต้องไปเจรจานอกรอบ ว่าพรรคไหน จะได้ประธานกรรมาธิการคณะไหน ส่วนวันที่ 4 กันยายน ให้ทุกพรรคมาประชุมอีกครั้งหนึ่งเพื่อติดตามความคืบหน้า ว่าสมาชิก 499 คนคนไหนสังกัดอยู่ที่กรรมาธิการไหนบ้าง และในวันที่ 13 กันยายนก็จะสรุปอีกครั้งว่าใครสังกัดอยู่คณะกรรมาธิการชุดไหน และในวันที่14 กันยายน จะเป็นการประชุมนัดแรกของกรรมาธิการแต่ละคณะ
สำหรับการเลือกประธานกรรมาธิการนั้น เอาความต้องการของแต่ละพรรคว่า อยากเป็นประธานคณะกรรมาธิการพรรคไหนเป็นหลัก ถ้าไม่ซ้ำกันพรรคนั้นก็ได้ไปเลยแต่ถ้าซ้ำกันก็ต้องมาคุยกันรอบ 2 ซึ่งจากที่ได้มีการพูดคุยกันคาดว่าน่าจะมีซ้ำกันไม่เยอะ และเชื่อว่าจะจัดสรรได้ลงตัว
ส่วนกรรมาธิการที่มีความต้องการตรงกัน เช่นกรรมาธิการแรงงาน กรรมาธิการเกษตรกรรมาธิการปกครองท้องถิ่น แต่ก็เชื่อว่าจะตกลงกันได้ ซึ่งไม่เกี่ยวว่าพรรคตนเองได้มีรัฐมนตรีกระทรวงไหนก็จะต้องเป็นประธานกรรมาธิการคณะนั้น อยู่ที่ความต้องการของแต่ละพรรคว่าถนัด ตรวจสอบดำเนินการด้านไหนใน35 คณะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา กกต.รับรอง สส.ระยอง ที่ไม่มีเวลาที่แน่นอน อาจจะถึง 60 วัน ก็ให้ดำเนินการจัดสรรคณะกรรมการเช่นนี้ไปก่อน หากพรรคก้าวไกลชนะและ กกต.รับรอง เวลานั้นเรามีวิปของแต่ละพรรครวมถึงวิปฝ่ายค้าและวิปรัฐบาลแล้ว ซึ่งสามารถมาประชุมกันและเปลี่ยนแปลง สัดส่วนคณะกรรมาธิการอีกครั้งได้