ม็อบหิ้วปิ่นโตบุกสภา พิธา จวก สภาแบบไหน ปล่อยประชาชน นั่งกลางแดด ลุ้นมติบำนาญถ้วนหน้า ซัดแผนจัดงบสะท้อนสันดานผู้บริหารประเทศ
เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2565 ที่รัฐสภา บริเวณแยกเกียกกาย มีการจัดงาน “หิ้วปิ่นโตนั่งเฝ้ากฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภา” เพื่อติดตามการลงมติรับหรือไม่รับรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่องแนวทางการเสนอกฎหมายบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสวัสดิการสังคมพิจารณา สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยมีข้อเสนอสำคัญ คือ การแก้ไขร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ จากร่างเดิมที่ให้เบี้ย 600-1,000 บาทต่อเดือน เป็นขั้นบันได เป็นให้รัฐดูแลเพิ่มเบี้ยให้เพียงพอที่จะหลุดพ้นความยากจนตามเส้นแบ่งที่สภาพัฒน์ กำหนดไว้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอัตรา 3,000 บาท
โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยส.ส.ของพรรค ที่มีบทบาทผลักดันสวัสดิการถ้วนหน้า เช่น นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนแรงงาน ไปพบปะประชาชนที่มาเฝ้ารอผลการลงมติ
นายพิธา กล่าวว่า ตนขอโทษประชาชน ในฐานะผู้แทนราษฎร ที่สภาปล่อยให้ต้องนั่งรอกลางแดด ตนสงสัยว่าทำไมจึงไม่จัดการต้อนรับประชาชนให้ดีกว่านี้ได้ หรือเอาเวลาไปสร้างสโมสรให้ผู้แทนฯ ที่มีทั้งนวด สปา และลู่วิ่ง จึงปล่อยให้ประชาชนมานั่งรอ จึงต้องถามว่าเป็นสภาฯ แบบไหน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้ประสานไปทางสภาฯ แล้วว่าควรหาที่รอให้สมศักดิ์ศรีประชาชนกว่านี้
“หากเปรียบเทียบเงินเบี้ยหวัดบำนาญสำหรับข้าราชการกับเบี้ยผู้สูงอายุให้ประชาชน 12 ล้านคน จะพบว่าห่างกันถึง 51 เท่า มันอยู่ในสันดานของผู้บริหารประเทศนี้ ไม่ว่าการต้อนรับประชาชนหรือวิธีคิดงบประมาณ นี่เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะต้องผลักดัน เราไม่ได้ต้องการยกเลิกบำนาญราชการอย่างที่ไอโอบอก แต่สิ่งที่เราทำคือ ทำให้ประชาชนเท่ากัน ประเทศจึงจะเท่าเทียมกันได้” นายพิธา กล่าว
ด้านน.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า บางคนอาจบอกว่า การพิจารณาของสภาในวันนี้ เป็นแค่รายงานของ กมธ. เพื่อส่งต่อครม. แต่ความจริงแล้ว ข้อเสนอในนั้นคือ การแก้กฎหมายเพื่อให้บำนาญพื้นฐานประชาชน ต้องไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน และงบประมาณปี 2566 ไม่ได้ให้เงินผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเลย ซึ่งน่าผิดหวังที่ในโค้งสุดท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เคยบอกว่าจะให้ผู้สูงอายุ 1,000 บาทถ้วนหน้า จึงต้องทวงถามกันต่อ แม้คนในพรรครัฐบาลจะบอกว่า เป็นแค่การโฆษณาและลบโพสต์ไปแล้วก็ตาม
น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า ทั้งนี้ เพิ่งรู้ว่าการหาเสียงสามารถโฆษณาชวนเชื่อได้ ถ้าอย่างนั้นจากนี้หาเสียงลมๆ แล้งๆ ไปก็ได้ใช่หรือไม่ ตนหวังว่า ส.ส.ในสภาฯ จะเห็นด้วยกับประชาชน นำรายงานฉบับนี้เสนอต่อ และกดดันพล.อ.ประยุทธ์ ให้เซ็นรับรองกฎหมายบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้าฉบับสุดท้ายที่อยู่ในมือเข้าสู่สภาฯ ต่อไป