ฝ่ายค้าน ขวางรัฐบาล ดันพ.ร.บ.คู่ชีวิต ประกบกม.สมรสเท่าเทียม สุดท้ายแพ้ ก้าวไกลรับไม่ได้ คนทำเนียบฯก้าวก่ายงานสภา พิเชษฐ์แฉจ่าย 1 แสนแลกโหวต ชวนท้าฟ้องเลย
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 15 มิ.ย.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณา ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่….) พ.ศ…. หรือร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอโดยนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับคณะ โดยเป็นฉบับที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล เสนอให้นำ 1.ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต พ.ศ. ที่ครม. เสนอ 2.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. ครม.เป็นผู้เสนอ และ 3.ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต พ.ศ. ที่เสนอโดยนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ มาร่วมพิจารณาพร้อมกับร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เพราะมีเนื้อหาคล้ายคลึงกัน
ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นโต้ว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะมีหลักการแตกต่างกัน ถ้าวิปรัฐบาลเห็นว่าเหมือนกันนั้น เหมือนกันตรงไหน ก็เอาปากกามาวงให้ดูหน่อยว่าเกี่ยวเนื่องกันทำนองเดียวกันตรงไหน เป็นการรวมเล่มร่างกฎหมายมาแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีมติรวมเล่ม ตกลงใครสั่ง ส่วนที่บอกว่าเขาจะเอาแบบนี้ เขาคนนี้ที่นั่งในสภา หรือเขาที่นั่งทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เราต้องวางหลักไม่ชัด ถ้าไม่เอาก็คือไม่เอา แต่อย่านำมารวมกัน พรรคร่วมฝ่ายค้านรับไม่ได้
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน อภิปรายว่า ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะให้รวมพิจารณา เพราะขั้นตอนเสนอร่างกฎหมายประกบ ตนอยู่ในสภามาไม่เคยเห็น และตามข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 64 ระบุชัดเจนว่า ญัตติใดที่ถึงวาระการพิจารณาในที่ประชุมแล้ว การเสนอญัตติที่มีหลักการเดียวกันจะกระทำไม่ได้
การที่ ครม.เสนอกฎหมายที่มีหลักการเดียวกันเข้ามาอีก 2 ฉบับ และส.ส.รัฐบาลอีก 1 ฉบับ แล้วประธานฯ รับรองญัตติและบรรจุเข้าระเบียบวาระ จึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ผิด และหากมีการยื่นศาลรัฐธรรนูญ กฎหมายที่ประกาศใช้ก็ตกทั้งฉบับ ดังนั้น รัฐบาลอย่าดื้อดึงดัน เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย
ขณะที่วิปรัฐบาลยืนยันว่า สามารถนำมาพิจารณาพร้อมกันได้ แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ลุกขึ้นยืนยันว่า ฝ่ายค้านกังวลว่าเราจะร่วมกระทำผิดด้วยไม่ได้ และเราไม่ได้ดื้อดึง เราจะเป็นองค์ประชุมให้ ไม่วอล์กเอาท์ แต่จะงดโหวต ซึ่งจะเป็นหลักฐานว่าท่านจงใจขัดข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ขู่
ทำให้นายชวน ชี้แจงว่า ได้ให้ฝ่ายกฎหมายสภาดูเรื่องนี้ ว่าเคยใช้ในข้อบังคับที่ 64 เพราะตนไม่ต้องการอะไรที่ผ่านไปแล้วมีปัญหา ซึ่งในข้อบังคับ 64 ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าทำได้ และเคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 และ 2553 เรื่องการเสนอการใช้ที่ดินหวงห้ามที่ไม่ใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังคงถกเถียงกันไม่จบ จนในที่สุดนายชวน ได้ขอมติที่ประชุม แต่ถูกนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า วันนี้การโหวตมีความหมายมาก เสียงละ 1 แสนบาท ดังนั้น ขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่ากดบัตรแทนกัน และขอให้แพนกล้องไปให้ทั่วห้องประชุม เพราะวันนี้ยังไม่มีความเกรงกลัวต่อความผิด ทำให้นายชวน แจงว่า ถ้าเป็นอย่างที่นายพิเชษฐ์พูด ขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะหากพูดปลอยๆ จะทำให้เสียหายต่อสภา
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติ เห็นด้วยให้นำร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับมาพิจารณารวมกัน ตามที่นายชินวรณ์ เสนอ ด้วยเสียงข้ามาก 240 เสียง และให้ลงมติรับหลักการหรือไม่รับหลักการแยกแต่ละฉบับ ด้วยคะแนนเสียง 232 เสียง ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงในส่วนนี้กว่า 1 ชั่วโมง และเข้าสู่วาระการประชุมในเวลา 11.50 น.
