สภาฯ เห็นชอบรายงาน กาสิโนฯ หลังเจอ ส.ส.รุมค้าน ชี้ไม่ใช่รายงาน เพื่อไฟเขียวให้เปิดบ่อนในประเทศ ‘ชวน’ แฉ กมธ.ใช้เบี้ยประชุม 2.3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 12 ม.ค. 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม เพื่อรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ที่จะมีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย เพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19
ตามที่สภาฯ ได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร การจัดเก็บรายได้ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร
โดยก่อนเข้าสู่เนื้อหา นายชวน ได้กล่าวระหว่าางรอ กมธ.ประจำที่ ว่า กมธ.คณะดังกล่าวมีการตั้งอนุกมธ. จำนวนหลายชุด และใช้เบี้ยประชุมไปทั้งสิ้น 2.3 ล้านบาท ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากไม่มีปัญหาอะไรการพิจารณาจะแล้วเสร็จ และขณะนี้มีรายงานของกมธ.ที่รอพิจารณา 3 ฉบับ เป็นกมธ.สามัญ 1 ฉบับ และกมธ.วิสามัญ 2 ฉบับ
ขณะที่นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะกมธ. ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า กมธ.ได้ใช้เวลาศึกษานาน 240 วัน โดยได้ศึกษาครอบคลุมทุกมิติ และมีการวิจัยรองรับ ขณะที่การอภิปรายของสภาฯ นั้น พบว่ามี ส.ส.ที่คัดค้านรายงานดังกล่าว อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายตั้งข้อสังเกต พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยที่รายงานของกมธ. จะตั้งกาสิโนในพื้นที่ที่ไม่สมควร
จากนั้น ได้เปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นที่เห็นด้วยกับการที่ประเทศไทยจะมีสถานบันเทิงแบบครบวงจร แต่มีข้อท้วงติง และข้อกังวลที่จะเกิดขึ้นตามมา เช่น นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. ได้อภิปรายคัดค้านว่า การนำเสนอรายงานดังกล่าว ตนขอให้กมธ.ย้ำว่าไม่ใช่การสนับสนุนให้ตั้งบ่อนกาสิโนในประเทศ แต่เป็นเพียงการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้เขาประเทศ หากจะทำกาสิโน ควรมีปัจจัยในการพิจารณาเรื่องใดบ้าง สำคัญคือ การคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน รวมถึงปัญหาการฟอกเงิน และเชื่อว่าหากรัฐบาลจะทำ น่าจะเป็นรัฐบาลหน้า
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรายได้จากธุรกิจกาสิโนลดลง ถึงแม้จะมีการศึกษาบอกว่า ธุรกิจกาสิโนอาจจะฟื้นตัวกลับมาได้ภายในปี พ.ศ.2570 แต่หลังโควิด-19 จบ เราไม่รู้ว่าพฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตนจึงคิดว่าในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า อาจจะเสี่ยงเกินไปที่จะบอกว่าควรจะต้องมีกาสิโนในประเทศไทย หากวันหนึ่งมองว่าคุ้มค่าที่จะทำ เราต้องมองปัจจัยอื่นด้วย เช่น การป้องกันผลกระทบในเชิงลบ การจำกัดคนไทยที่เข้าไปเล่น ต้องมีสถานะทางเศรษฐิจที่มั่นคงมากพอ และได้รับการอนุญาตจากคนในครอบครัว ไม่มีประวัติอาชญากรรม ทั้งอาชญกรรมทั่วไป และฟอกเงิน
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนเรื่องออนไลน์ เลิกคิดไปได้เลย เพราะตราบใดที่ระบบดิจิทัลไอดี หรือการยืนยันตัวตนทางออนไลน์ของคนไทยยังไม่สมบูรณ์ การเปิดพนันออนไลน์ถูกกฎหมายให้คนไทย ไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นเจ้าของเองหรือไม่ อาจจะยังเสี่ยงเกินไป เพราะจะเกิดการปลอมแปลงตัวตนเข้าไปได้ และต้องหาว่าจะชูจุดขายของสถานบันเทิงแบบครบวงจรนี้อย่างไร รวมถึงการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุน ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน ส่วนปัจจัยสุดท้ายเราต้องฟังเสียงประชาชน ทั้งการทำประชาพิจารณ์ และการทำประชามติของประชาชนในพื้นที่ที่จะเปิดกาสิโนถูกฎหมาย
ด้านนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เห็นตรงกันว่าในรายงานนี้ดีแต่ยังไม่รอบคอบ เพราะไม่มีข้อควรระวังหรือข้อเสีย ถ้าระบบการจัดการไม่ดีก็เป็นฝันร้ายได้ อยากให้กมธ.ไปดูที่สีหนุวิว ตอนปี 51 ใช้พื้นที่ 3,300 ไร่ ทำเป็นเมืองใหม่สำหรับการลงทุนต่างประเทศ ตอนแรกมีหลายธุรกิจ แต่รัฐบาลกัมพูชาเปิดให้มีกาสิโนด้วย
ตอนนี้ปี 65 ปรากฏว่ากลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เพราะเมื่อทำกาสิโนเสร็จ คนกัมพูชาก็เข้าไปเป็นลูกจ้าง จีนเข้ามาเป็นเจ้าของ ปรากฏว่าเมืองสีหนุวิวค่าครองชีพสูงขึ้น ที่ดินสูงขึ้น 100 เท่า คนรุ่นใหม่กลายเป็นเด็กแจกไพ่ คนแก่กลายเป็นคนทำความสะอาด และบริหารมาเฟียจีน
นายปดิพัทธ์ กล่าวอีกว่า ฉะนั้น ไม่ใช่ฝันดีว่า บ้านเรามีบ่อนเกิดขึ้นแล้วบ้านเมืองจะดีไปหมด ถ้าระบบการจัดการของประเทศไม่ดี มีคอร์รัปชั่น ความไม่โปร่งใส และไม่มีการบริหารจัดการของรัฐบาล สภาพแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอ และสภาพของคนไทยอาจเป็นได้แค่เด็กเสิร์ฟ เพราะทุนใหญ่คือทุนต่างชาติ โดยมีคนไทยรับเคราะห์ของอาชญากรรมและผลเสียที่เกิดขึ้น โดยปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งตนเห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ แต่ถ้าเกิดขึ้นในรัฐบาลเผด็จการทหาร ตนคิดว่าชะตากรรมของประเทศไม่ต่างอะไรกับสีหนุวิว
ทั้งนี้ เมื่อสมาชิกอภิปรายจนครบแล้ว และกมธ.สรุปเสร็จสิ้นแล้ว นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งว่ามีสมาชิกคนใดไม่เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ถือว่าสมาชิกเห็นด้วยกับรายงานและข้อสังเกต.ของกมธ.ฯ ซึ่งจะต้องส่งรายงานและข้อสังเกตให้รัฐบาลปฏิบัติต่อไป