มติสภาฯ ปัดตก ร่าง พรบ.การรับรองเพศคำนำหน้านาม ขณะ ก้าวไกล แถลงช้ำ ถามหาความจริงใจ “นายกฯ” พูดตั้งแต่ตอนหาเสียง ชี้สมรสเท่าเทียมพรรคใครทำก็ได้คะแนนเสียง ย้อนแต่เรื่องอื่นจะไม่ทำหรืออย่างไร
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. …. ที่นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ซึ่งอภิปรายหลักการและเหตุผลการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายรับรองบุคคล ผู้มีความหลากหลายทางเพศ จึงส่งผลให้เกิดการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะเอกสารของรัฐไทยยังคงกำหนดให้ใช้คำนำหน้านาม ซึ่งถือตามเพศกำเนิดได้แก่ เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และนาง ส่งผลให้บุคคลข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศอื่นประสบปัญหาในการแสดงตัวตน การตัดสินใจกำหนดวิถีทางเพศของตน และกระทบต่อการดำเนินชีวิต
ขณะที่ กฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนสากลได้รับรองเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่งยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศที่มีความหลากหลาย ดังนั้นสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมุ่งให้เกิดการคุ้มครองและรับรองสิทธิ ในเรื่องการใช้คำนำหน้านาม การระบุเพศของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตามหลักสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล
ทั้งนี้ ภายหลัง สส.ธัญวัจน์ อภิปรายหลักการและเหตุผลเสร็จสิ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันอภิปรายอย่างกว้างขวาง มีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว อาทิ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.จังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่ได้อภิปรายถึงความกังวล ต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ว่าหากมีการยินยอมให้เปลี่ยนคำนำหน้านามได้เองตามที่ต้องการอาจเกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรมมากเกินไป เช่น การเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อที่จะไปหลอกลวงทรัพย์ , ลวนลามเพศตรงข้าม เป็นต้น ซึ่งในประเด็นเรื่องการต้องโทษจากความคิดเห็นหลายฝ่ายโดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ เรื่องการจำคุกที่มีการแบ่งนักโทษชายและนักโทษหญิง หากสมมุติเพศทางเลือกได้มีการทำความผิดและมีจิตใจตรงข้ามกับเพศสภาพก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ไปอยู่กับชายหรือหญิง พร้อมกังวลว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านอาจก่อให้เกิดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายมากขึ้น
ขณะที่ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และอยากให้สมาชิกรับหลักการวาระ 1 ไปก่อน เนื่องจากเป็นหลักการที่เปิดกว้าง เช่นเดียวกับนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่าการเปลี่ยนคำนำหน้านามให้ตรงตามอัตลักษณ์ทางเพศ แม้จะมีผู้แย้งที่ให้เหตุผลเรื่องการถูกหลอก ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นปัจเจกบุคคล ที่หากเกิดขึ้นจริงก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเหมารวมว่าบุคคลข้ามเพศจะเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อหลอกลวงผู้อื่นทั้งหมด และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนคำนำหน้านาม เช่น การปลอมแปลงตัวตนเพื่อก่ออาชญากรรม ก็เป็นประเด็นเรื่องอาชญากรรมที่ต้องจัดการในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่าหากบุคคลต้องการเปลี่ยน คำนำหน้านามจะทำให้คนไปติดต่อหน่วยงานราชการจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ใช้งบประมาณในการเปลี่ยนข้อมูล ทั้งการจัดทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สูติบัตร หนังสือเดินทาง ใบขับขี่และเอกสารสิทธิ์ต่างๆ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความสับสนอลหม่านอย่างมาก จึงย้ำว่าไม่ว่าจะมีคำนำหน้านามแบบไหนควรภูมิใจในความเป็นตัวตนของตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้วที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. …. ด้วยคะแนนเสียง 257 เสียง เห็นด้วย 154 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
จากนั้น สส. พรรคก้าวไกล นำโดยนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ แถลงข่าวภายหลังสภาฯ มี มติคว่ำร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ…. ไม่ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 โดยชี้แจงว่าจากการที่พรรคเพื่อไทย อภิปราย ให้รอกฎหมาย จากภาคประชาชน ในลักษณะคล้ายกันเข้าพิจารณาในคราวเดียวกัน เป็นเพราะ หากมีการ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญที่จะดึงคนนอกเข้ามานั่งในสัดส่วนได้ ไม่เข้าใจว่าพรรคเพ่อไทยหยิบประเด็นนี้มาทำไม
พร้อมตั้งคำถามกับความจริงใจประเด็นนี้ ว่าสภาผู้แทนราษฎร และพรรคการเมืองอื่น พร้อมที่จะเปิดรับความหลากหลาย และยืนยันสิทธิ เจตจำนงตามเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ ของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศหรือไม่ เพราะว่าตนได้ทำงานเรื่องนี้มา 6 ปีแล้ว เป็นเรื่องที่สังคมยังไม่ได้ยอมรับมากนัก และการทำงานของภาคประชาชนก็ทำงานด้วยความยากลำบาก กฏหมายดังกล่าวเคยถูกรวบรวมรายชื่อหลายครั้ง และสังคมยังไม่เข้าใจเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ คนข้ามเพศ หรือบุคคลที่มีความหลากหลาย ทางอัตลักษณ์ทางเพศแล้วเหตุใดในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎร เราจึงไม่หยิบกฎหมายของเขา เพื่อเซ็นและเข้าสภาเลย
หลังจากไม่ผ่านวาระ ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกล จะถอย หลังจากจบประชุมสภาสมัยนี้แล้วตามระเบียบ และกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญเราสามารถเสนอร่างกฎหมายที่เป็นหลักการแบบนี้เข้าสู่สภาได้อีกครั้ง ตอนนั้นก็ต้องติดตาม และจับตาดูว่าแต่ละพรรคจะมีท่าทีอย่างไร สมรสเท่าเทียมใครใครทำก็ได้คะแนนเสียง แต่เรื่องอื่น พวกคุณจะทำหรือไม่ ตนไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่ดีใจที่ได้เห็นอะไรบางอย่างว่า การเมืองมันคือการเมือง ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเดินต่อแน่นอนไม่ว่าเรื่องนั้นจะได้คะแนนเสียงหรือไม่ พรรคก้าวไกลจะทำ และยืนอยู่ข้างบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เรารู้ว่าหลักการสำคัญ และคือสิ่งที่เราจะสู้เพื่อให้ได้นี่คือความเป็นอย่างน้อย ที่สุดที่มนุษย์พึงจะมี
ขณะที่ นายปารมี ระบุว่า จุกในอก นี่คือความฝันที่จะเอาคำว่านายออกจากชีวิต เจ็บปวด ไม่เข้าใจ ว่าที่ไม่รับร่างดังกล่าว เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ จึงถามหาความจริงใจของพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรี พูดเมื่อวานนี้ว่าจะสนับสนุนการรับรองทางเพศแก่บุคคลทุกกลุ่มทุกเพศเหมือนเป็นคำสัญญา แต่ตนต้องการความจริงใจจากท่าน ที่เคยแสดงนโยบายไว้ตั้งแต่ตอนเลือกตั้ง แต่พอถึงวันนี้กลับพลิกคำ ตนมีศักดิ์ศรีมากพอไม่ไม่ต้องการคำว่าสงสาร หรือเห็นใจ จากท่าน แต่ต้องการคำว่าเข้าใจ ขอให้เข้าใจหัวอกของบุคคลที่ข้ามเพศ และความหลากหลายทางเพศ ขอแค่นี้ และเสียดายเวลาที่กฎหมายนี้จะต้องเนิ่นช้าออกไปเพราะตนรอมาทั้งชีวิตของตน แต่เมื่อในสถานการณ์ออกมาแบบนี้ ตนและสมาชิกในพรรคก้าวไกล จะยังคงมีกำลังใจในการขับเคลื่อนต่อขอทิ้งท้าย ว่า ขอความเข้าใจจากพรรคร่วมรัฐบาลและขอความจริงใจจากท่านนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลให้คำตอบกับตนในเรื่องนี้ด้วย