สภาวุ่น!เพื่อไทย ประท้วง “รองฯศุภชัย” ให้สิทธิ์ ส.ส.บุรีรัมย์ ชี้แจงปมร้อน ‘วัคซีนบุรีรัมย์’
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระ 2 วันที่ 4 พิจารณาต่อในมาตรา 25 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 37,543 ล้านบาท หลังจากที่อภิปรายมากว่า 1 ชั่วโมง มีเหตุที่ทำให้การอภิปรายไม่เรียบร้อย หลังจากที่ นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปราย ซึ่งมีเนื้อความพาดพิงถึงการแก้ปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะการกระจายวัคซีนในพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรม โดยเปรียบเทียบระหว่างจ.อุบลราชธานี ที่ได้รับวัคซีน จำนวน 3 แสนคนจากประชากรทั้งสิ้น 1.8 ล้านคน กับจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีประชากร 1.5 ล้านคน ได้รับวัคซีน 6 แสนคน ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่ระบาดหรือเมืองท่องเที่ยว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะใกล้ชิดรัฐมนตรีหรือไม่
ทำให้ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ประท้วงและชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า เป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งได้ถูกประท้วงต่อ โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ว่า การประท้วงดังกล่าวเป็นการชี้แจง ไม่ใช่ถูกพาดพิงให้เสียหาย แต่การเมื่อบุคคลไม่เสียหายควรให้กรรมาธิการชี้แจง จึงไม่ใช่หน้าที่ส.ส. ชี้แจง ขอให้ประธานควบคุมการประชุมด้วย
ขณะนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า ให้นายสนอง ชี้แจง เพราะเป็น ส.ส.บุรีรัมย์ เมื่อพาดพิงถึงจังหวัดบุรีรัมย์ จึงอนุญาตให้ทำได้ และได้ฟังการอภิปรายว่า พาดพิงถึงรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนั้น นายสนอง เป็น ส.ส.เจ้าของพื้นที่ จึงมีสิทธิ์ชี้แจง พาดพิงได้ทำให้นายจุลพันธ์ กล่าวว่า หากครั้งหน้ามีคนพาดพิงถึงจังหวัดเชียงใหม่ หรือ ประเทศไทย จะขอชี้แจงบ้างในฐานะเป็นคนไทย
ก่อนที่นายศุภชัย จะวินิจฉัยย้ำว่า ได้รับฟังและพบการพาดพิงถึงรัฐมนตรีกับจังหวัดบุรีรัมย์ และส.ส.พื้นที่ จึงชี้แจงได้ หากรอบหน้ามีคนอภิปรายพาดพิงถึงจังหวัดใด ส.ส.พื้นที่ย่อมมีสิทธิ์ประท้วงได้เช่นกัน
3 ส.ส.เพื่อไทย อภิปรายปรับลดงบฯสธ. “ครูมานิตย์”เสนอออกคำสั่งปรับชั้นยศให้บุคลากรการแพทย์ที่เสียชีวิต “วิสาร”ฉะกำลังหากินอยู่กับความตายของประชาชน
นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในวาระ2 งบประมาณกระทรวงสาธารณสุข ว่า ตนขอตัดงบ 22 % เป็นเงิน 8,259 ล้านบาท เพราะไม่เห็นด้วยกับหลักการในการจัดงบประมาณแบบนี้ ที่ยังจะต้อง
ไปสร้างสิ่งก่อสร้างอาคารมากมาย และซื้ออุปกรณ์ที่ไม่สอดคล้องกับการต่อสู้โรคระบาดร้าย ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขยังค้างจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง อสม. ที่ยังเล็กน้อยในการทำงานจึงขอให้เร่งแก้ไขและช่วยดูแล อสม. ด้วย และ 1 ปีผ่านมาจากงบที่ให้ไปสามารถซื้อวัคซีนฉีดประชาชนได้ครบทุกคน แต่กลับไม่ทำ และยังไม่เข้าร่วมโครงการกับสหประชาชาติอีก
ด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การแก้ปัญหโควิด-19 ของรัฐบาลคล้ายกิ้งกือตกท่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พูดคนละภาษา ตนมองว่า รัฐบาลกำลังหากินอยู่กับความตายของประชาชนโดยเรื่องวัคซีนที่สั่งซื้อซิโนแวคเพิ่มเติมทั้งที่ไม่มีใครต้องการฉีด เช่นพื้นที่จ.เชียงราย มีประชากร 1.3 ล้านคน ต้องฉีดให้ได้ 8 แสนคน พบว่า มีผู้ลงทะเบียน 5 แสนคนและฉีดแล้ว 2 แสนคน ทั้งนี้ ไม่มีใครต้องการฉีดวัคซีนซิโนแวค หากสั่งซื้ออีกจะไม่มีใครต้องการ
ส่วนนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนอยากให้นายกฯออกคำสั่งปรับชั้นยศให้บุคลากรทางการแพทย์ แพทย์ และพยาบาลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เพิ่มชั้นยศ และให้เงินราชการทวีคูณ รวมถึงบรรจุลูกจ้างเป็นข้าราชการ ขณะที่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลเขาทำงานกันเหนื่อยมาก
แต่ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ขอให้รีบหาวิธีการเพิ่มขวัญกำลังใจ อีกทั้ง อสม.เรียกร้องขอช่วยซื้อเครื่องวัดความดันยี่ห้อดีๆ เครื่องตรวจเบาหวาน เครื่องตรวจออกซิเจนเพราะเขาเป็นบุคลากรด่านหน้าและทำงานเหน็ดเหนื่อยมาก แต่ไม่มีเครื่องมือที่สมบูรณ์ในการดูแลประชาชนในหมู่บ้าน