สภาล่มอีกแล้ว! พรเพชร สุดยื้อ ให้นับองค์ประชุมใหม่ ก่อนเจอฝ่ายค้านจวกยับ

Home » สภาล่มอีกแล้ว! พรเพชร สุดยื้อ ให้นับองค์ประชุมใหม่ ก่อนเจอฝ่ายค้านจวกยับ



สุดยื้อ ประชุมรัฐสภาล่มจนได้ พรเพชร อ้างมองไม่เห็นตัวเลข พยายามให้นับองค์ประชุมใหม่ เจอฝ่ายค้านประท้วงยับ ทำแบบนี้อีกแล้ว

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 11 ม.ค.2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ต่อจากวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งมีปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ โดยการลงมติในมาตรา 8 ผ่านไปได้ด้วยดี

ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ประชุมลงมติมาตรา 8/1 ช่วงเปิดนับองค์ประชุมครบ 349 คน แต่เมื่อให้โหวตลงมติว่าจะเห็นด้วยที่ขอเพิ่มมาตรา 8/1 หรือไม่ ผลปรากฏว่า มีผู้ลงมติเพียง 339 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งนายพรเพชร ยังไม่ได้ขานคะแนน แต่กลับปิดหน้าจอแสดงตัวเลขทันที โดยนายพรเพชร มีความพยายามที่จะขอตรวจสอบองค์ประชุมอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตะโกนลั่นห้องประชุมว่า “339 ไม่ครบ ท่านประกาศไปแล้ว”

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ขอให้ประธานขึ้นจอแสดงตัวเลขอีกครั้งเพราะตัวเลขขึ้น 339 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม แต่นายพรเพชร แย้งว่า ดูในจอแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ทำให้นายจิรายุ แย้งว่า เมื่อสักครู่ตัวเลขแสดง 339 คน แสดงว่ามีมือที่สามไปเพิ่มตอนเช็คองค์ประชุม ขอให้ประธานลงมติอีกครั้ง นายพรเพชร จึงขอลงมติใหม่

แต่นายพีระเพชร ศิริกุล ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย แย้งว่า ถ้าไม่ได้ดังใจก็ทำใหม่เรื่อยๆ ใช่หรือไม่ กฎหมายฉบับนี้ครูทั้งประเทศไม่พอใจ เพราะมองไม่เห็นความสำคัญของเขาเลย แม้ฝ่ายที่เขียนกฎหมายก็ยังไม่ให้ผ่านด้วยซ้ำ ท่านจะยังดื้อดึงอยู่หรือ

ด้านนายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้เป็นกฎหมายที่จะกำหนดอนาคตของคนในประเทศทุกคน ถ้าจะเป็นเกมการเมือง ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นในสภานี้ ขอให้ทุกคนทำตัวให้เป็นกลาง แต่นายพรเพชร กล่าวว่า ตอนที่แสดงตนก็เกินองค์ประชุมแล้ว เพียงแต่ตนไม่ได้กดปุ่มแสดงตนด้วย จึงต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ตอนที่ตัวเลขขึ้นตนมองไม่เห็นว่ามีกี่คน

ขณะที่นายจิรายุ ชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่เกมการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากกฎหมายผ่านไปแล้วมีคนไปร้องก็โมฆะ มีทางเดียวคือ เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ก็ปิดประชุมกลับบ้าน หรือหาทางที่จะลงคะแนนใหม่โดยไม่ผิดกฎหมาย

ส่วนนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของประธานว่า ตัวเลข 339 คน ถือว่าองค์ประชุมไม่ครบแล้ว หากประธานจะเดินหน้าต่อ ฝ่ายค้านก็คงไม่ร่วมในกระบวนการที่ไม่มีข้อบังคับได้

ทำให้นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา ชี้แจงว่า ระหว่างตรวจสอบองค์ประชุมยืนยันว่ามีครบแน่นอน แต่เมื่อลงคะแนน อาจจะไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม เราทราบดีว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ มีปัญหา แต่เป็นเรื่องการปฏิรูปครู ซึ่งทุกคนรอฟังอยู่ แต่ถ้ามีปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ เราจะตอบสังคมไม่ได้ การทำงานทางการเมืองที่ใกล้จะเลือกตั้ง ประชาชนจะไว้ใจสมาชิกรัฐสภาได้อย่างไร เมื่อมีปัญหานับคะแนนให้ใช้ข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้การประชุมเดินหน้าต่อไป และประธานสามารถให้นับองค์ประชุมใหม่ได้ด้วยการลงมติ

แต่นายจิรายุ ท้วงว่า เป็นแบบนี้อีกแล้ว พอแพ้ก็หาเหตุผลให้ตัวเองจะไปต่อได้ ถึงแม้จะให้ผ่านมาตรานี้ไปได้ แต่เรากำลังพูดด้วยหลักการ สมมติมีคนไปร้องก็จะเสียเวลาทั้งคู่ หากนับหัวในห้องประชุม จะพบว่าฝ่ายค้านร่วมเป็นองค์ประชุมเกือบ 100 คน หมายความว่าฝ่ายวุฒิสภา รวมกับฝ่ายรัฐบาล รวมกันไม่ถึง 250 คน หากจะเอาอย่างนั้นก็ตามสบาย

ส่วนนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากให้มาตรานี้ผ่านไปมาตราอื่นก็จะมีปัญหาอีกได้ จึงขอให้ปิดประชุม ไม่เช่นนั้นปัญหาจะบานปลายไปเรื่อยๆ ถ้าเปิดประชุม ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งประธานสภา

ทำให้นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. สนับสนุนขอให้ปิดประชุม จนนายพรเพชร ต้องแจ้งว่า เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ตนขอปิดประชุม ในเวลา 12.49 น.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ