สภากทม. ไฟเขียวงบกทม.ปี 66 วงเงิน 79,719 ล้าน ผู้ว่าฯชัชชาติ ยึดปชช.เป็นที่ตั้ง

Home » สภากทม. ไฟเขียวงบกทม.ปี 66 วงเงิน 79,719 ล้าน ผู้ว่าฯชัชชาติ ยึดปชช.เป็นที่ตั้ง



กรุงเทพมหานคร สภากทม. ไฟเขียวงบกทม.ปี 66 วงเงิน 79,719 ล้านบาท ผู้ว่าฯ ชัชชาติ พร้อมใช้ด้วยความ โปร่งใส รอบคอบ คุ้มค่าที่สุด ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง

18 ส.ค. 65 – ที่ อาคารไอราวัตพัฒนา กรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2565

โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. คณะผู้บริหาร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

ในที่ประชุม นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อให้สภากรุงเทพมหานคร พิจารณาในวาระที่สองและวาระที่สาม

“คณะกรรมการวิสามัญฯ 62 ท่าน ได้ประชุมและพิจารณากลั่นกรองงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2566 จำนวน 16 ครั้ง และได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณางบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 42 คณะ พร้อมรับฟังเหตุผลความจำเป็นในการขอตั้งงบประมาณ รายจ่ายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้ผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญฯ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณาโดยยึดหลักของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นโยบายของรัฐและผู้บริหารกทม. แผนปฏิบัติราชการประจำปี และพิจารณาโดยยึดหลักความคุ้มค่า ความเหมาะสมของพื้นที่ สภาวะเศรษฐกิจ และสังคมในปัจจุบัน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” นายสุทธิชัย กล่าว

ทั้งนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้พิจารณางบประมาณที่ฝ่ายบริหารตั้งขอ รวมจำนวน 79,825,132,600 บาท มีมติปรับลดงบประมาณ จำนวน 4,803,793,728 และเห็นชอบรายการงบประมาณรายจ่าย ที่ผู้บริหารได้เสนอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณเท่ากับจำนวนเงินที่ปรับลด

ส่วนงบประมาณรายจ่ายของการพาณิชย์กรุงเทพมหานคร ได้ปรับลด 106,120,550 บาท รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จำนวนทั้งสิ้น 79,719,012,050 บาท

อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ส.ก. ได้ขอสงวนความคิดเห็นเพื่ออภิปรายในที่ประชุมหลายท่าน ประกอบด้วย นายพีรพล กนกวิลัย สก.เขตพญาไท พรรคก้าวไกล ได้สงวนความเห็นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย โดยไม่ได้คัดค้านโครงการดังกล่าวแต่ขอให้ชะลอโครงการเพื่อให้มีการรับฟังความเดือดร้อนจากประชาชน รวมถึงนายพีรพล ได้สงวนคำแปรญัตติ งบค่าใช้จ่ายในการเพิ่มศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสวนสาธารณะของสำนักสิ่งแวดล้อม

แต่เห็นว่าค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการก่อสร้างซึ่งควรตั้งที่สำนักการโยธา จึงขอให้การตั้งงบประมาณในปีถัดไปให้คำนึงถึงภารกิจของหน่วยงานเป็นหลัก ในส่วนของงบประมาณโครงการ Trade Show ของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นภารกิจระดับชาติ จึงควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่ของกทม. รวมถึงงบประมาณที่เห็นว่าควรปรับลด เพื่อให้กทม.ได้มีเงินเหลือสำหรับใช้ดำเนินการตามนโยบายของผู้ว่าฯกทม.ในปีถัดไป

ด้าน นายวิรัช คงคาเขตร สก.เขตบางกอกใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ ขอสงวนความเห็น 1 รายการของสำนักสิ่งแวดล้อม โดยเห็นว่าพันธกิจของสำนักสิ่งแวดล้อม และทุกหน่วยงานของกทม. ที่สำคัญคือการรักษาสิ่งแวดล้อม

ดังนั้นการเสนอขอจัดซื้อรถยนต์ดีเซลของทุกหน่วยงานควรมีการเปลี่ยนแปลง โดยหันมาใช้พลังงานทดแทน เนื่องจากหน่วยงานของกทม.ควรมุ่งลดมลพิษทางอากาศ งบประมาณปีหน้าควรพิจารณาในเรื่องนี้ใหม่ นอกจากนี้นายวิรัช ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงบประมาณการปรับปรุงเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว การเปลี่ยนวิธีการรดน้ำต้นไม้ และการปลูกต้นไม้ในพื้นที่กทม.ให้มีศิลปะ

นอกจากนี้ นายณภัค เพ็งสุข สก.เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล ได้ขอสงวนความเห็น 3 รายการของสำนักงานเขตลาดพร้าว อาทิ รายการเกี่ยวกับค่าวัสดุน้ำมันงานดูแลสวนและพื้นที่สีเขียว ซึ่งนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ปัจจุบันเขตได้ใช้งบประมาณเกี่ยวกับค่าน้ำมันโดยคำนึงถึงความจำเป็น

อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาน้ำมันสูงขึ้นและในอนาคตราคาน้ำมันอาจจะสูงขึ้นอีก จึงทำให้ต้องตั้งงบประมาณน้ำมันไว้สูงขึ้นตาม แต่หากมีงบเหลือจะตกเป็นงบกลาง และตกเป็นเงินสะสมของกทม. ซึ่งงบสะสมกทม.จะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของกทม.ต่อไปได้

ทั้งนี้ภายหลังการชี้แจงของฝ่ายบริหาร นายณภัคได้ขอถอนคำสงวนความเห็นในประเด็นของสำนักงานเขตลาดพร้าว จากนั้นนายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ได้ขอสงวนความเห็น 1 รายการของสำนักงานเขตวัฒนา โดยขอให้ทุกครั้งที่มีการออกแบบก่อสร้างถนน ควรให้มีการสร้างบ่อพักตามแนวด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการระบายน้ำ

ในส่วนของข้อสังเกตที่คณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่าผู้ว่าฯกทม.ควรทราบและควรปฏิบัติ ประกอบด้วย ข้อสังเกตทั่วไป และข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน ข้อสังเกตทั่วไป ได้แก่ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ควรดำเนินการให้สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนากรุงเทพมหานคร คำนึงถึงประโยชน์ ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และควรพิจารณาให้มีความเหมาะสมตามโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน ไม่ควรดำเนินการซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นของกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ต้องวิเคราะห์ภาระที่ต้องรับผิดชอบโดยละเอียด ผลกระทบต่องบประมาณที่จะนำมาใช้บริหารจัดการในอนาคต ทุกหน่วยงานจักต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณและเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้จ่ายงบประมาณรวมอยู่ในช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีควรให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการด้วย

ขณะเดียวกันยังมีข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน ได้แก่ สำนักการศึกษา เรื่องค่าใช้จ่ายในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาพิเศษ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้เรียนในกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษโรงเรียนร่วมสังกัดกรุงเทพมหานครนั้น การคัดเลือกครูผู้สอนควรเน้นคุณธรรมและจริยธรรมเป็นสำคัญ และควรเพิ่มค่าวิชาชีพสำหรับครูผู้สอนในโรงเรียนดังกล่าวให้สูงขึ้น

รวมทั้งควรเพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ด้วย นอกจากนี้โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครควรพิจารณาเพิ่มห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ห้องเพื่อการวิจัย รวมทั้งควรส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร

สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เรื่อง การขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีควรดำเนินการรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือจากกิจกรรมประจำที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว เช่น ส่งเสริมอีสปอร์ต หรือกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมแนวใหม่ให้มีความยั่งยืนตามยุคสมัยมากขึ้น

สำนักพัฒนาสังคม เรื่อง การจัดอบรมให้ความรู้แก่กรรมการชุมชนควรแยกดำเนินการตามพื้นที่เขต เพื่อความสะดวกในการเดินทางและความพร้อมในการดำเนินงานของแต่ละเขต

สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เรื่องการอบรมให้ความรู้การระงับอัคคีภัยและสนับสนุนอุปกรณ์ดับเพลิงแก่อาสาสมัครในชุมชน เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้เบื้องต้น และควรสนับสนุนให้เกิดการประสานความร่วมมือที่ดีระหว่างสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอาสาสมัคร เพื่อให้การระงับเหตุเพลิงไหม้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

รวมทั้งควรติดตั้งหัวดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพและมีจำนวนเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ และกรุงเทพมหานครควรสำรวจจำนวนบ้านเรือนประชาชน ชุมชนที่จดทะเบียนและมิได้จดทะเบียน ทั้งนี้ เพื่อจัดสรรถังดับเพลิงให้เพียงพอ เพื่อป้องกันระงับเหตุเพลิงไหม้ในชุมชน

ทั้งนี้ สภากทม. ได้ลงมติเห็นชอบ ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ในวาระที่สองและวาระที่สาม โดยงบประมาณปี 66 ของกรุงเทพมหานคร มีจำนวนทั้งสิ้น 79,719,012,050 บาท

นายชัชชาติ กล่าวว่า ขอบคุณสภากรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการวิสามัญฯ ที่ได้ร่วมกันพิจารณางบปี 66 ของกทม.ผ่านวาระ 3 ฝ่ายบริหารจะนำงบประมาณที่ได้รับไปใช้ด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมสร้างบริการประชาชน โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ให้การใช้งบมีความคุ้มค่าที่สุด

“ภาระหน้าที่ของฝ่ายบริหารและสภากทม.ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ดูแลประชาชน บทบาทที่สำคัญ คือการสร้างความมั่นใจและไว้ใจให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เชื่อมั่นว่า ระบอบประชาธิปไตยยังคงระบอบการปกครองที่เข้มแข็ง ตอบโจทย์ และโปร่งใส โดยเฉพาะการกระจายอำนาจท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ อำนาจของฝ่ายบริหาร และอำนาจของสภากรุงเทพมหานคร จึงสามารถตอบโจทย์ประชาชน ด้านความโปร่งใสและคุ้มค่าได้เป็นอย่างดี” ผู้ว่าฯกทม. กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ