สผ. ชี้แจงโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ปี 52 ระบุดำเนินงานตามระเบียบและขั้นตอนอย่างครบถ้วน
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า ตามที่ ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ดำเนินโครงการ ตั้งแต่ ปี 2552 และสิ้นสุดโครงการแล้วเมื่อปี 2556 ซึ่งไม่ใช่โครงการที่ดำเนินการในสมัยรัฐบาลปัจจุบัน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอชี้แจงข้อมูล ดังนี้
1.คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2552 รับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2552 เรื่อง เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณ กรณีที่ไม่สามารถสนับสนุนงบกลางได้ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งต่อมาคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2552 มีมติเห็นชอบในหลักการและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2552 ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้เงินจากกองทุนสิ่งแวดล้อม วงเงิน 2,256 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ดำเนินการโดยสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สป.ทส.) โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 730 วัน ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2552 – 30 ก.ย. 2554 และต่อมามีการขยาย เวลาสิ้นสุดการเบิกจ่ายเงิน ถึงวันที่ 25 ม.ค. 2556
2.สผ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ดำเนินการติดตามประเมินผลระยะสิ้นสุดโครงการ และนำเสนอคณะกรรมการ กองทุนสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 3/2556 วันที่ 24 มิ.ย. 2556 มีผลการประเมิน ตามตัวชี้วัดในระดับ ดี ต่อมา สผ. ได้ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2560 โดยพบว่า โครงการนี้สามารถ ดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ โดยมีผลผลิตหลัก คือ ข้อมูลแผนที่ ภาพถ่ายเก่า รวมถึงการจัดทำหมุดหลักฐาน ภาคพื้นดิน และการจัดทำแนวเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งได้นำข้อมูลมาจัดทำระบบ สืบค้นและให้บริการข้อมูลแผนที่แนว เขตทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการให้บริการแก่หน่วยงานราชการต่างๆ โดยมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแล และให้บริการแก่หน่วยงานราชการ โดยช่วง พ.ศ.2554 – 2560 มีหน่วยงานแจ้งความประสงค์ขอข้อมูล จำนวนทั้งสิ้น 148 ครั้ง ซึ่งเป็นหน่วยงาน ทั้งภายใน และภายนอกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีข้อสังเกต เรื่องการขอตั้งเงินคืนกองทุนสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักงบประมาณแจ้งว่า สผ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม สามารถเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมได้ โดยพิจารณาจากภารกิจ ฐานะการเงินของกองทุนสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ต่อมาได้นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2562 เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2562 มติรับทราบความเห็นของสำนักงบประมาณ และ สผ. ได้แจ้งให้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบแล้ว
4.สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีหนังสือเรียน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2564 ว่า สป.ทส. ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์มาตรฐานเกี่ยวกับการตรวจเงินแผ่นดิน ด้านการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ และประสิทธิภาพการดำเนินงาน สอดคล้องตามข้อเสนอแนะของ สตง. แล้ว