สนามบินออสซี่ ปรับผู้โดยสาร 6.7 หมื่นบาท นำ แฮมเบอร์เกอร์ ติดตัวมาจากอินโดฯ
วันที่ 1 ส.ค. เอสบีเอส รายงานว่า ผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากบาหลีของอินโดนีเซียได้รับใบแจ้งการละเมิดกฎและถูกปรับเป็นเงิน 2,664 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 67,000 บาท) ที่สนามบินดาร์วิน ฐานไม่แจ้งรายการที่อาจมีความเสี่ยงสูงด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ และให้เอกสารเท็จและทำให้เจ้าหน้าที่ข้าใจผิด จากการนำ แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่นำโรคร้ายแรง เช่น โรคปากและเท้าเปื่อย เข้ามาในออสเตรเลีย
ภายหลัง “ซินตา” (Zinta) สุนัขตำรวจเพื่อความปลอดภัยทางชีวภาพแห่งสนามบินดาร์วิน ได้กลิ่นครัวซองแฮม และแฮมเบอร์เกอร์ แมคมัฟฟิน ไส้กรอก ไข่ และเนื้อวัว 2 ชิ้น ซึ่งผู้โดยสารคนดังกล่าวไม่ได้สำแดงบนบัตรผู้โดยสารขาเข้า ส่วนผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ข้างต้นจะผ่านการตรวจสอบโรคปากและเท้าเปื่อยก่อนถูกทำลายต่อไป
เมอร์เรย์ วัตต์ รมว.เกษตรออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD-free zone) และควรดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามนั้น
“นี่จะเป็นอาหารมื้อแพงที่สุดที่ผู้โดยสารคนนี้เคยมีมา ค่าปรับนี้เป็น 2 เท่าของค่าตั๋วเครื่องบินไปบาหลี แต่ผมไม่มีความห็นใจสำหรับผู้เลือกที่จะขัดขืนมาตรการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพเข้มงวดของออสเตรเลีย และการตรวจจับล่าสุดแสดงว่าคุณจะถูกจับได้” นายวัตต์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์
ตามข้อมูลเว็บไซต์การเกษตร การประมง และป่าไม้ออสเตรเลีย แม้ว่านักท่องเที่ยวสามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ในกระป๋องหรือขวด แต่การนำเข้าเนื้อสัตว์ไม่บรรจุในกระป๋องจากทุกประเทศยกเว้นนิวซีแลนด์นั้น เป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด
“เนื้อสัตว์ไม่บรรจุกระป๋อง รวมถึงสิ่งของปิดผนึกด้วยสุญญากาศ ไม่ได้รับอนุญาตนำเข้ามาในออสเตรเลีย เว้นแต่จะมีใบอนุญาตนำเข้ามาด้วย ความปลอดภัยทางชีวภาพไม่ตลก แต่ช่วยปกป้องงาน ไร่ อาหาร และสนับสนุนเศรษฐกิจ ผู้โดยสารที่เลือกเดินทางต้องแน่ใจว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อเข้าสู่ออสเตรเลีย โดยปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพทั้งหมด” นายวัตต์กล่าว
ส่วนสุนัขซินตาได้รับการยกย่องจากรมว.เกษตรออสเตรเลียในบทบาทของการป้องกันความปลอดภัยทางชีวภาพแบบใหม่ที่เข้มงวดของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแอนโทนี แอลบานีส และเป็นเรื่องดีที่เห็นสุนัขตัวนี้มีส่วนทำให้ประเทศปลอดภัย