สนธิรัตน์ จัดคิวแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย เดินสายเพิ่มเรตติ้ง ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมงาน เตรียมเปิด คีย์แมนทีมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ครั้งแรกว่า ที่ประชุมหารือถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง และขับเคลื่อนพรรคให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่ากระแสพรรคค่อนข้างดี มีผู้สนใจมาร่วมงานกับพรรคเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรคเติบโตรวดเร็ว ถือเป็นกระแสตอบรับจากประชาชนที่ดี และหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่และมีกิจกรรมมากขึ้น ผู้ใหญ่ของพรรคจะร่วมไปทำกิจกรรมมากขึ้น เพื่อความเข้มแข็งของผู้สมัครในแต่ละพื้นที่

เมื่อถามว่ามีการประเมินรัฐบาลจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ จากกรณีเงื่อนไขวาระ 8 ปีของนายกฯ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ประเมินได้ แต่ไม่มีใครทราบว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่คิดว่าพรรคสร้างอนาคตตไทยมีความพร้อมมากที่สุด ยืนยันว่ามีความพร้อมรองรับทุกการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่าพรรคจะเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ เร็วๆนี้หรือไม่ เลขาธิการพรรค สอท. กล่าวว่า เราจะทยอยเปิดตัวทุกด้าน ไม่ไช่เฉพาะทีมเศรษฐกิจ เรายังมีบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาในพรรคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทยอยเปิดตัวต่อไป นอกจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ แล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่จะมาร่วมเป็นทีม มีทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งจุดแข็งของพรรคคือ การมีบุคคลกรที่มีคุณภาพทยอยเดินเข้ามาในพรรค และพรรคต้องการมีส่วนร่วมสร้างการเมืองใหม่ด้วย จึงอยากเห็นคนรุ่นใหม่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น

เมื่อถามว่าวันนี้แต่ละพรรคมีการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและใช้เป็นนโยบายจูงใจประชาชน นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจ เพราะเศรษฐกิจปากท้องเป็นปัญหาของประเทศที่ใหญ่ที่สุด ทุกพรรคจึงชูเป็นโยบาย ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยืนยันว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นจุดเเข็งของพรรค เพราะเรามีบุคลากรที่มีความพร้อมด้านเศษฐกิจ มีนักวิชาการ ที่คอยศึกษาปัญหาและมีบุคลากรที่เตรียมแก้ปัญหาให้กับประชาชน ที่สำคัญทุกคนมีประสบการณ์

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าพรรคเศรษฐกิจไทยเชิญ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า รอให้เขาประกาศออกมาจริงๆก่อน ตอนนี้เพียงแค่เป็นข่าว แต่ก็ยินดีที่จะมีบุคลากรด้านเศรษฐกิจเดินเข้าสู่การเมือง