สนธิญา ร้อง กกต.สอบ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บินฮ่องกงพบ ‘ทักษิณ’ ส่อขัดกฎหมายพรรคการเมือง

Home » สนธิญา ร้อง กกต.สอบ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บินฮ่องกงพบ ‘ทักษิณ’ ส่อขัดกฎหมายพรรคการเมือง



สนธิญา ร้อง กกต.สอบ “อุ๊งอิ๊ง” บินฮ่องกงพบ “ทักษิณ” ขัดกฎหมายพรรคการเมือง ชี้หากผิดจริงโทษถึงยุบพรรค-ตัดสิทธิทางการเมือง พ่วงสอบส.ส.บินพบด้วย

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวน วินิจฉัย และพิจารณาในเบื้องต้น กรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง ประธานที่ปรึกษาและการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย (พท.) และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง

โดยนายสนธิญา กล่าวว่า แม้มีหลายคนถามว่าทั้ง 2 คนเป็นพ่อลูกกัน ทำไมไม่ร้องตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโดยเหตุผลและหลักการ คือ ขณะนั้น น.ส.แพทองธาร ยังไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นประธานที่ปรึกษาและการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย และไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งตลอด 4-5 ปี น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นผู้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ แม้ในเรื่องของสายเลือดพ่อลูกตัดกันไม่ได้ แต่ในเรื่องของกฎหมายจะต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 45 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการหรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งคำว่าศีลธรรมอันดีคือหลักแห่งการประพฤติปฏิบัติดี ต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่หนีไปอยู่ต่างประเทส และมีคำพิพากษาจำคุก 10 ปี

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า แต่การที่ น.ส.แพทองธาร ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานประกาศนโยบาย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จึงเป็นคนหนึ่งที่เป็นไปตามมาตรา 45 ดังกล่าว โดยกรณีนายทักษิณไลฟ์เข้ามาในประเทศไทยทุกวันอังคาร นั่นคือการก่อกวนหรือไม่อย่างไร หรือประเด็นศีลธรรมอันดีของประชาชน คือประเด็นถ้านายทักษิณบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเชื่อมั่นใจความสุจริตของท่าน ก็ต้องกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการแห่งกฎหมาย

นายสนธิญา กล่าวว่า ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงขอให้ กกต. วินิจฉัยตีความในประเด็นดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 44, 45, 28, 29 และบทกำหนดโทษ ตามมาตรา 92(3)(4) คือยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง หากมีความผิดจริง

“ผมไม่เคยร้อง น.ส.แพทองธาร ที่ไปหานายทักษิณ เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่เหตุผลที่ผมต้องร้อง น.ส.ในขณะนี้ที่ไปหานายทักษิณที่ฮ่องกง เพราะอุ๊งอิ๊งเป็นคนหนึ่งในการบริหารของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว และนอกจากนั้น ในช่วงเวลาที่นายทักษิณมาอยู่ที่ฮ่องกงนั้น ผมอยากให้ กกต. ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า มีส.ส.คนใด เดินทางไปฮ่องกงในเวลานั้นหรือไม่อย่างไร

รวมทั้งขอให้ตรวจสอบรูปภาพที่เขียนคำว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีส.ส.หลายคนบอกว่าเป็นลายมือของนายทักษิณนั้น จริงเท็จหรือไม่ ขอให้กกต.วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่บอกว่าการกระทำมันคาบเกี่ยว ดังนั้น เป็นหน้าที่กกต.ที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัย” นายสนธิญา กล่าว

เมื่อถามว่า ในมุมมองของการร้องเรื่องนี้หมายถึงการเดินทางไปหาพ่อของ น.ส.แพทองธาร เป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดีใช่หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า การเดินทางไปหาพ่อไม่ผิด แต่สถานะของบุคคลขณะนั้นอยู่ในสถานะอะไร เมื่อมีสถานะอะไรก็ต้องไปคาบเกี่ยวกับกฎหมาย ก็ต้องไปดู อย่างกรณีมาตรา 45 ที่ห้ามในเรื่องสนับสนุนส่งเสริม หากบุคคลนั้นก่อกวน คุกคาม หรือขัดศีลธรรมอันดี ซึ่งกรณีนายทักษิณถูกออกหมายจับ ศาลสั่งจำคุก 10 ปี และเป็นผู้ต้องหาที่หนีคดี เป็นศีลธรรมอันดีหรือไม่อย่างไร ซึ่งจุดนั้นกกต.ต้องวินิจฉัย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ