สธ.ย้ำไม่หนุน “สูบกัญชา” ชี้กระทบจิตประสาท ลั่นใช้มากเกินกำหนด ยังมีโทษตามกฎหมาย จัดมหกรรมปลดล็อกที่บุรีรัมย์ แจกกล้า 300 ต้น
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2565 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และ นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมแถลงข่าวงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 มิ.ย.2565 ที่ จ.บุรีรัมย์
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ด้วยนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของรัฐบาล สธ.จึงส่งเสริมให้มีการปลูกเพื่อสุขภาพและการรักษาโรค จึงออกประกาศปลดล็อกกัญชา กัญชงออกจากยาเสพติดให้โทษ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ แต่ยังควบคุมสารสกัดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท คือ สารสกัดที่มีค่า THC มากกว่า 0.2% โดยน้ำหนัก
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ประชาชนจะต้องมีความรู้ ใช้กัญชาอย่างเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย คือ 1.เพื่อการรักษาโรค เช่น ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคลมชัก และทำเป็นยาเข้าตำรับกัญชา คลินิกกัญชาทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาโรคโดยแพทย์ได้ และ 2.ความรู้ความเข้าใจเรื่องผลเสีย เพราะการใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าที่กำหนดไว้ หรือใช้ในทางที่ผิดก็จะเป็นโทษต่อจิตประสาทได้
ดังนั้น ต้องรณรงค์สร้างความเข้าใจให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์ สร้างเศรษฐกิจได้ เช่น ใบกัญชาขายได้ราคาสูง ก็เป็นเศรษฐกิจครัวเรือน ส่วนการปลูกเชิงพาณิชย์ ระดับเมดิคัลเกรด ก็เพื่อการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ อาหาร เครื่องสำอาง
“สธ.จะออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อควบคุมการนำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ เช่น การสูบ การสันทนาการเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่จะเกิดปัญหา ซึ่งจะมีการควบคุมกลิ่นและควันใน พ.ร.บ.การสาธารณสุขให้เป็นเหตุรำคาญ หรือใช้การกัญชาที่มากกว่ากำหนดในประกาศปลดล็อกที่ยังเป็นยาเสพติด ซึ่งจะมีโทษตามกฎหมายยาเสพติด” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
ด้านนพ.วิทิต กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย อย.จึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการและประชาชนในการปลูกแบบจดแจ้ง การขออนุญาตนำเข้าเมล็ดกัญชง การขออนุญาตสกัดสาร THC และ CBD โดยงานมหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร เป็นอีกหนึ่งช่องทางสื่อสารสู่ประชาชน ซึ่งการจัดเมื่อปี 2564 ได้รับผลตอบรับอย่างดี
นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า หลังวันที่ 9 มิ.ย. ประชาชนจดแจ้งปลูกกัญชาได้ 3 ช่องทาง คือ 1.แอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ที่จะเปิดตัววันที่ 1 มิ.ย. พร้อมออกใบรับจดแจ้งในวันที่ 9 มิ.ย. 2.เว็บไซต์ปลูกกัญ และ 3.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) / กทม. โดยวันพรุ่งนี้จะอบรมเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เจ้าหน้าที่อบจ./กทม. เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการจดแจ้งตามช่องทางต่างๆ
ส่วนนพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า งานมหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชาฯ สสจ.ทุกจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ที่เป็นเขตสุขภาพในการใช้กัญชาทางการแพทย์มากที่สุด ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม ทั้งให้บริการคลินิกกัญชา บริการข้อมูลต่างๆ มีหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมนำเสนอสาระความรู้เรื่องกัญชาอย่างเต็มที่
ขณะที่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า งานมหกรรมกัญชาฯ เมื่อปี 2564 ที่ จ.บุรีรัมย์ เกิดเม็ดเงินสะพัดในจังหวัดกว่า 200 ล้านบาท งานปีนี้เป็นความต่อเนื่อง ได้รับความอนุเคราะห์จากสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีความสะดวกสำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกคน นอกจากนี้ จ.บุรีรัมย์ ยังเป็นพื้นที่สีเขียวและนำร่องท่องเที่ยว ประชากรได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึง และจัดงานตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด จึงมีความปลอดภัยทางสาธารณสุขในระดับสูง
ด้าน นพ.พิเชษฐ กล่าวว่า ภายในงานจะมีกิจกรรมและสาระความรู้เกี่ยวกับกัญชาในหลายมิติ ที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ผู้ป่วย และผู้ประกอบการ เช่น จัดนิทรรศการ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ตำรับยาที่สกัดจากกัญชา ผลิตภัณฑ์จากกัญชา คลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการให้บริการตรวจรักษาแก่ประชาชนที่มาร่วมงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
นพ.พิเชษฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีเวทีสัมมนาวิชาการ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศมาให้ความรู้ มีเมนูอาหารจากกัญชารสชาติดี ถูกสุขอนามัยและปลอดภัย รวมถึงมีบูธให้คำแนะนำการนำกัญชามาประกอบอาหารอย่างถูกวิธี และที่เป็นไฮไลต์ของงานคือ การแจกต้นกล้ากัญชาวันละ 300 ต้นให้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ผ่านสภาฯ มีมาตรการควบคุมการใช้ทางที่ไม่เหมาะสมอย่างเพียงพอแล้วหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า พยายามจะใช้กฎหมายที่มีอยู่ อย่าง พ.ร.บ.การสาธารณสุข กำหนดให้กลิ่นและควันของกัญชาเป็นเหตุรำคาญ จะมีโทษตามกฎหมายนี้ อยู่ระหว่างเสนอ รมว.สธ.ลงนาม แต่ขอให้ใช้กัญชาอย่างเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ
“ประชาชนต้องเข้าใจว่ากัญชาที่สนับสนุนคือกัญชาทางการแพทย์และกัญชาในครัวเรือน เช่น ประกอบอาหาร ส่งเสริมสุขภาพ และเศรษฐกิจพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดเหตุที่จะทำให้เกิดโทษทางจิตประสาท เป็นทิศทางที่สนับสนุน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
เมื่อถามถึงรูปแบบการใช้ที่ไม่เหมาะสมที่ส่งผลต่อจิตประสาท นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การเอาไปสูบ หรือทำเป็นสารสกัด หรือทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ อยากให้ใช้เป็นทางการแพทย์ตามที่มีการสนับสนุน
เมื่อถามว่าช่วงนี้เป็นเหมือนสุญญากาศที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ยังไม่ออก อาจมีการใช้ผิดวิธีในกลุ่มเยาวชน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ต้องช่วยกันทั้งครู ผู้ปกครอง เหมือนอย่างเหล้า บุหรี่หรืออื่นๆ ที่มีสารต่อร่างกายและจิตใจ หากกัญชามีความรุนแรงมากก็คงนำมาใช้ไม่ได้ ทางการแพทย์ก็คงไม่ยอม แต่ถ้ามีประโยชน์และสามารถควบคุมดูแลและใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ทุกคนต้องร่วมมือกัน
เมื่อถามต่อว่าวันนี้เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก กังวลหรือไม่ว่า การสูบกัญชาจะเป็นปัญหาซ้ำรอย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สธ.ไม่ได้ส่งเสริมในเรื่องการสูบ แต่ส่งเสริมให้ใช้ทางการแพทย์ เป็นผลิตภัณฑ์
เมื่อถามว่าช่อดอกไม่ใช่ยาเสพติด ซึ่งการสูบจะใช้ช่อดอก สธ.มีคำเตือนอะไรหรือไม่ นพ.วิทิต กล่าวว่า ทางการแพทย์ในเรื่องการสูบยังไม่มีคำแนะนำในการใช้
เมื่อถามอีกว่าจะเกิดอันตรายอะไรหรือไม่ในการนำไปสูบ นพ.วิทิต กล่าวว่า กัญชา กัญชง เป็นเหมือนสมุนไพรตัวหนึ่ง ทุกอย่างจะมีข้อดีคือประโยชน์และข้อเสียคือโทษ รวมทั้งผลข้างเคียงด้วย ถ้าใช้ถูกวิธี ถูกคน ถูกโรค ถูกอาหารก็มีประโยชน์ ถ้าใช้ผิดก็เกิดโทษเหมือนกัน เช่น มีเหล้าที่บ้าน เอาไปดื่ม บางคนบอกดื่มน้อยช่วยไหลเวียนเลือด ดื่มมากก็ติดเหล้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะต้องรณรงค์ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ซึ่งกฎระเบียบอาจจะป้องปรามได้ในบางเรื่อง สุดท้ายคือประชาชนที่จะต้องใช้ในการดูแลตัวเองและคนในครอบครัวด้วย