เหตุสะเทือนขวัญในประเทศไฮติ เมื่อหัวหน้าแก๊งอาชญากรรม สั่งสังหารคนแก่นับร้อยคนกลางเมืองหลวงเพื่อแก้แค้น เพราะเชื่อว่าลูกชายของตนเสียชีวิตจากการโดนใช้ไสยศาสตร์มนตร์ดำ
แก๊งอาชญากรรมนี้บุกยึดครองพอร์โตแพรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ และทำการโค่นล้มรัฐบาล โดยเครือข่ายปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (RNDDH) รายงานเหตุสังหารหมู่อย่างน้อย 110 ศพ ในย่านชุมชนแออัดซิเต โซเลย์ (Cité Soleil)
รายงานระบุว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ด้านคนหนุ่มสาวที่พยายามเข้ามาช่วยปกป้องคนแก่ก็ถูกสังหารไปด้วย ซึ่งชนวนความเหี้ยมครั้งนี้ สาเหตุเกิดจากลูกชายของ โมเนล เฟลิกซ์ หรือ มิคาโน หัวหน้าแก๊งมาเฟียนี้ ล้มป่วยและเสียชีวิตอย่างปริศนา
หลังจากนั้น มิคาโน ไปขอคำแนะนำจากนักบวชวูดูรายหนึ่ง ก็ได้คำตอบว่ามีคนฆ่าลูกชายของเขา โดยคนแก่ใช้มนตร์ดำทำของใส่ จนนำไปสู่คำสั่งให้สมาชิกแก๊งไล่ล่า ค้นหาตัวผู้สูงอายุที่เป็นนักบวชวูดู และฆ่าทิ้งให้หมด
ชาวบ้านในพื้นที่เผยว่า เห็นชิ้นส่วนศพถูกเผาตามท้องถนน ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า แก๊งของ มิคาโน สั่งปิดล้อมพื้นที่ ห้ามชาวบ้านเข้า-ออก ทำให้ไม่ค่อยมีคนทราบข่าวสังหารหมู่ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหรือ UN ซึ่งระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามากถึง 184 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงโดยแก๊งอาชญากรรมในปีนี้พุ่งแตะ 5,000 คนไปแล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มอาชญากรรมออกอาละวาด ก่อความวุ่นวายในเฮติ นับตั้งแต่ ประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ถูกลอบสังหารเสียชีวิตคาบ้านพักในกรุงพอร์โตแพรงซ์ เมื่อปี 2021 แต่อัตราการฆาตกรรมระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2024 ลดลง หลังแก๊งอาชญากรรมที่เป็นคู่อริกันบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของแต่ละแก๊งในการขยายอาณาเขตยึดครอง กลางเมืองหลวง นำไปสู่เหตุนองเลือดตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านทั่วไป มากกว่าจะเป็นสมาชิกแก๊งคู่อริ