สคทช.จ่อยกระดับที่ดินทำกินชุมชนบ้านทำเนียบสู่สหกรณ์วิสาหกิจชุมชน 

Home » สคทช.จ่อยกระดับที่ดินทำกินชุมชนบ้านทำเนียบสู่สหกรณ์วิสาหกิจชุมชน 



สคทช. จ่อยกระดับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ต.บ้านทำเนียบ เป็นสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หวังปชช.ร่วมสร้างความมั่นคงในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ดร. รวีวรรณ ภูริเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศบริเวณต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่เป็นเขาดินและเขาหินปูน และลาดชันตามแนวเขตในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด เป็นพื้นที่ราบประมาณ ร้อยละ 31.81 และพื้นที่ลาดชันประมาณ ร้อยละ 68.19

โดยกรมป่าไม้ ในฐานะหน่วยงาน เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้นำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ดีโดยรวมทั้งประเทศ ในขณะเดียวกันก็ได้เล็งเห็นถึง ความเดือดร้อนของราษฎรที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าอยู่แล้วมาอย่างยาวน ขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรที่อยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง (ก่อนมติครม. 30 มิ.ย. 41) ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 3,4,5 โดยการอนุญาตให้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในลักษณะแปลงรวม ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งได้ดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด

โดยมีการดำเนินงานตามขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ วันที่ 17 ก.ค. 59 ในการประชุมคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 2/2559 มีมติเห็นชอบให้นำพื้นที่ต.บ้านทำเนียบ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าบางเบาและป่าคลองเซียด กำหนดเป็นเป้าหมายไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน

วันที่ 16 มี.ค. 60 กรมป่าไม้ได้ออกหนังสืออนุญาตให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางเบาและป่าคลองเซียด (ตามมาตรา 16 แห่งพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507) เนื้อที่ 2,900 ไร่ 2 งาน 64 ตารางวา เพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดย คทช. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตดังกล่าว ไปดำเนินการจัดที่ดินให้แก่ราษฎร จำนวน 295 ราย 295 แปลง และการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่

ด้านทรัพยากรดิน กรมพัฒนาที่ดินได้เข้าไปส่งเสริมการปรับปรุงดิน ช่วยวางแผนการใช้ดิน ส่งเสริมให้ความรู้ในด้านการจัดหาแหล่งน้ำธรรมชาติ และการจัดเก็บน้ำโดยการทำฝายชะลอน้ำและมีการจัดหาพื้นที่ในการขุดสระเพื่อ กักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรในช่วงภาวะแห้งแล้ง และยังให้ความรู้ เรื่องสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 มาหมักกับเศษวัสดุ ธรรมชาติ เช่น ขี้วัว ขี้แพะ หัวปลา ผักผลไม้ที่เหลือกินเหลือใช้ เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงดิน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพและผลผลิตที่ดีมากยิ่งขึ้น

ด้านการรวมกลุ่ม โดยการส่งเสริมสนับสนุนการรวมกลุ่มตามความต้องการของราษฎรเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ และจัดทำแผนการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยจัดตั้งสหกรณ์การเกษตร ป่าบางเบาบ้านควนทัง มีการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกพืชผักที่เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นอยู่ของแต่ละครัวเรือนและยังเป็นการเพิ่มองค์ความรู้และรายได้เสริมให้แก่ครัวเรือนและชุมชน

ด้านการจัดทำบัญชีครัวเรือน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้าไปแนะนำ ส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือนเพื่อให้สอดคล้องตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่ายภายใน ครัวเรือน เพื่อให้ทราบถึงรายรับและรายจ่าย และสามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้สมาชิกมีเงินคงเหลือมากขึ้นกว่าเดิม สามารถนำไปเป็นเงินออมในครัว เรือน อีกทั้งทำให้รู้จักการหารายได้เสริม นอกเหนือจากอาชีพหลักและยังให้ครัวเรือนรู้จักพอประมาณตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ทั้งนี้ จากการติดตามการดำเนินงานพบว่าพื้นที่ดังกล่าว ประสบ ความสำเร็จในหลายมิติ เกิดความร่วมมือกันระหว่างชุมชนและหน่วยงานรัฐในการฟื้นฟูและรักษาสภาพป่าชุมชนบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้พื้นที่ป่าของประเทศเพิ่มขึ้น ตามคำกล่าวที่ว่า ….. “รัฐ ได้ป่า ประชาได้ที่ทำกิน” และราษฎรได้รับการแก้ไขปัญหาให้อยู่อาศัยทำกิน อย่างถูกต้อง มีการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในพื้นที่ คทช. ส่งผลให้ราษฎรมีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญที่ภาครัฐได้เข้ามาแก้ไขปัญหาภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

อย่างไรก็ตามพื้นที่แห่งนี้ นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ความเข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการโดยชุมชนได้ และทําให้การบริหารจัดการที่ดินของชุมชนเกิดความยั่งยืน สคทช.จะยกระดับการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชน​ โดยปรับเปลี่ยนให้ผู้ขอใช้ประโยชน์การอยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติจากผู้ว่าราชการจังหวัด​เป็นสหกรณ์​ วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ที่ดําเนินการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบาย คทช.​ และเป็นไปตามแนว​ทางการประเมินความเข้มแข็ง​ในการบริหาร​จัดการ​ของสหกรณ์​โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์​ และเสนอผ่าน คทช.จังหวัด เพื่อให้ความเห็นชอบการขอเปลี่ยนผู้ขอใช้ประโยชน์ และเสนอไปยังกรมป่าไม้เพื่อดําเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง​ต่อไป ดร. รวีวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ