สคทช.เดินหน้าจัดสรรที่ดินทำกิน ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้ำร้อน ป่าหนองหญ้าไทร พร้อมหนุนพัฒนาอาชีพ หวังสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี – กรมป่าไม้ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยใน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยการนำนโยบายรัฐบาลในเรื่องของการจัดที่ดินทากินให้ชุมชนมาดาเนินการอย่างต่อเนื่อง (ราษฎรอยู่อาศัยมาก่อนการสำรวจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 41 ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 3,4 และ 5) โดยการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในลักษณะแปลงรวม ตามมาตรา 16 แห่งพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งในพื้นที่บ้านกกตาดได้รับอนุญาตแล้วจำนวน 2 ครั้ง เนื้อที่รวมประมาณ 267 ไร่ รายละเอียดดังนี้
ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้าร้อน และป่าหนองหญ้าไทร กรมป่าไม้ได้มีการออก หนังสืออนุญาตอนุญาตเล่มที่ 125 ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 19 ก.ค. 61 เนื้อที่รวม 362-0-87 ไร่ (บ้านกกตาด เนื้อที่ประมาณ 208 ไร่) และครั้งที่ 2 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้าร้อน และป่าหนองหญ้าไทร กรมป่าไม้ได้มีการออกหนังสือ อนุญาตเล่มที่ 16 ฉบับที่ 01 ลงวันที่ 30 กันยายน 2563 เนื้อที่รวม 352-3-85 ไร่ (บ้านกกตาด เนื้อที่ประมาณ 59 ไร่)
สำหรับพื้นที่บ้านกกตาดที่เหลือ อยู่ในระหว่างดำเนินการอนุญาตจากกรมป่าไม้ เนื้อที่รวมประมาณ735 ไร่ ที่รวมอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้าร้อน และป่าหนองหญ้าไทร เนื้อที่รวม 15,417-3-77 ไร่ และในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าองค์พระ ป่าเขาพุระกา และป่าเขาห้วยพลู เนื้อที่รวม 20,151-0-17 ไร่ ซึ่ง คทช. จังหวัดสุพรรณบุรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการ และยื่นเรื่องขออนุญาตใช้ประโยชน์กับกรมป่าไม้แล้ว
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ไปพื้นที่บ้านกกตาดและหมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้าร้อน และป่าหนองหญ้าไทร ได้ดำเนินการจัดคนลงในพื้นที่แล้ว จำนวน 137 ราย 155 แปลง และได้จัดทำสมุดประจาตัวผู้ได้รับการคัดเลือก จำนวน 155 เล่ม และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐในการดูแลรักษา ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ และได้รับการส่งเสริม และพัฒนาอาชีพในพื้นที่ คทช. ส่งผลให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามพื้นที่แห่งนี้นับว่าเป็นพื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่ความเข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการโดยชุมชนได้ ดี และทําให้การบริหารจัดการที่ดินของชุมชนเกิดความยั่งยืน สํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะดําเนินการเพื่อยกระดับการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชน โดยปรับเปลี่ยนให้ผู้ขอใช้ประโยชน์การอยู่อาศัยและทำกินในป่าสงวนแห่งชาติจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ที่ดําเนินการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบาย คทช. ภายใต้เงื่อนไขแนวทางปฏิบัติของกรมป่าไม้ มาตรา 16 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และเป็นไปตามแนวทางการประเมินความเข้มแข็งในการบริหารจัดการของสหกรณ์โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ และเสนอผ่าน คทช.จังหวัด เพื่อให้ความเห็นชอบการขอเปลี่ยนผู้ขอใช้ประโยชน์ และเสนอไปยังกรมป่าไม้เพื่อดําเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังได้จัดทำแผนปฎิบัติงานส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดภายใต้คณะทำงานส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างตรงจุด
ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ ดำเนินงานภายใต้นโยบายของรัฐบาล และนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยนโยบายขจัดปัญหาความยากจน และแก้ไขปัญหาการมีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่ได้อย่างถูกกฎหมาย เป็นไปตามนโยบายของ คทช. นอกจากนี้ กรมป่าไม้ยังมีแนวทาง ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีรายได้จากการปลูกไม้เศรษฐกิจ และส่งเสริมให้คนอยู่กับป่า ในลักษณะของ โครงการป่าชุมชน
ด้านนายวิทยา ผู้ใหญ่บ้านหมู่9 กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ที่ คทช ได้มอบสมุดพกที่ดินทำกินให้ชาวบ้านในพื้นที่ ถือเป็นการปลดล็อคให้ชาวบ้าน ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ อยากให้มีการส่งเสริมอาชีพ และช่วยชาวบ้านเรื่องการตลาด เพราะปัจจุบัน ผลผลิตการเกษตรยังผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง นอกจากนี้ยังรู้สึกกังวล เพราะยังมีพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ว่าเป็น ของ สปก. หรือ ป่าไม้ บางส่วน