
ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุด การฉีดวัคซีนไขว้ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Siriraj Institute of Clinical Research โดยพบว่า
- การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงสุด 2,259.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร
- การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันดีรองลงมาที่ 2,181.8 หน่วยต่อมิลลิลิตร
- การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ได้ระดับภูมิคุ้มกัน 1,049.7 หน่วยต่อมิลลิลิตร.
โดยผลการศึกษาสรุปได้ว่า การใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก แล้วตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มแรก ควรตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 2
สำหรับการวัคผลภูมิคุ้มกันดังกล่าว เป็นการวัดผล anti-RBD IgG โดยเครื่อง Abbott และรายงานเป็นหน่วยมาตรฐาน BAU/mL ส่วนผลการวัดแบบ PRNT50 จะมีการรายงานต่อไป
นอกจากนี้ ผลการศึกษายังระบุว่า ไม่พบปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงหลัง ฉีดเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อยืนยันภูมิคุ้มกันจากการศึกษานี้