ศาสตราจารย์ชื่อดัง ชี้ส่งลูกเรียนพิเศษ 3 คลาสนี้ เปลืองเงินไร้ประโยชน์ พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน!

Home » ศาสตราจารย์ชื่อดัง ชี้ส่งลูกเรียนพิเศษ 3 คลาสนี้ เปลืองเงินไร้ประโยชน์ พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน!
ศาสตราจารย์ชื่อดัง ชี้ส่งลูกเรียนพิเศษ 3 คลาสนี้ เปลืองเงินไร้ประโยชน์ พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน!

ศาสตราจารย์ชื่อดังของจีน แนะนำผู้ปกครอง “ไม่ควร” ส่งลูกเรียนพิเศษ 3 คลาสนี้ ไม่มีประโยชน์ เปลืองเงิน พ่อแม่ต้องรู้ให้ทัน!

พ่อแม่ต่างต้องการให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้น ผู้ปกครองหลายคนไม่ลังเลเลยที่จะส่งบุตรหลานเข้าร่วมชั้นเรียนเสริมต่างๆ ทั้งเพื่อส่งเสริมพรสวรรค์ หรือพัฒนาทักษะด้านอารมณ์ และแน่นอนว่าทางวิชาการก็ขาดไม่ได้ โดยหวังว่าทั้งหมดนั้นจะช่วยให้ผลการเรียนที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ลีไมคาน ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนที่มีชื่อเสียงในสาขาจิตวิทยาเด็ก ชี้ให้เห็นว่า มีบางชั้นเรียนที่ไม่เหมาะกับเด็ก ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ แต่ยังเป็นการเสียเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย ซึ่งเธอแนะนำชั้นเรียน 3 ประเภทที่ผู้ปกครองไม่ควรให้บุตรหลานเข้าเรียน คือ

คลาส “มหัศจรรย์”

เพื่อให้ธุรกิจเติบโต สถาบันการศึกษาหลายแห่งจึงลงโฆษณาป่าวประกาศคำมั่นสัญญา เช่น “หลังจาก 3 วัน เด็กๆ จะเชี่ยวชาญการเล่นเปียโน” , “หลังจาก 1 สัปดาห์ เด็กๆ จะเชี่ยวชาญการวาดภาพทุกอย่าง” ซึ่งล้วนสร้างขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ปกครอง แต่ในความเป็นจริงผลลัพธ์ของคลาสเหล่านี้กลับไม่เป็นดังคำกล่าว หรือที่เรียกกันว่าโฆษณาเกินจริง

ในกระบวนการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของเด็ก การปฏิบัติตามแต่ละขั้นตอนของการพัฒนามีความสำคัญมากกว่าการบังคับ การลงทะเบียนเด็กในชั้นเรียนเหล่านี้สามารถทำลายความคิดริเริ่มในการเรียนรู้ของพวกเขาได้ นอกจากนี้ ชั้นเรียนที่จัดเด็กๆ ว่าเป็นเหมือนอัจฉริยะ หรือ “ผู้วิเศษ” มักมีโปรแกรมการศึกษาที่หนักหน่วง และมีตารางเรียนที่แน่น สิ่งนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาสมองและการเติบโตตามธรรมชาติของเด็กได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้เด็กๆ เข้าชั้นเรียนเหล่านี้ ศาสตราจารย์แนะนำว่า ผู้ปกครองควรฝึกความสามารถในการอ่านและความรักการอ่านของบุตรหลาน เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก

คลาสที่คุณสมบัติครูไม่ชัดเจน

ผู้ปกครองส่วนมากต้องการให้ลูกมีพัฒนาการอย่างรอบด้าน นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขายอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้บุตรหลานเข้าเรียนหลายๆ คลาส สถาบันการศึกษาจึงผุดขึ้นมาเหมือนเห็ด เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขาดแคลนครูในปัจจุบัน สถาบันบางแห่งจึงยินดีที่จะรับสมัครผู้ที่ไม่มีคุณวุฒิ หรือไม่มีทักษะการสอนที่เพียงพอที่จะสอนในชั้นเรียน สิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่อผลการเรียนรู้ของเด็ก

ผู้ปกครองจำเป็นต้องเลือกสถาบันที่ได้รับใบอนุญาต และผู้สอนที่มีคุณสมบัติเกี่ยวข้องกับวิชาเอกการสอน คุณวุฒิได้รับการเผยแพร่อย่างชัดเจน ด้วยวิธีนี้ จึงจะรับประกันความปลอดภัยของเด็กๆ และคุณภาพการสอน เพื่อช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ

คลาสไม่ตรงกับความสนใจของเด็ก

ศาสตราจารย์เชื่อว่าผู้ปกครองมากกว่า 90% บังคับให้ลูกๆ เข้าร่วมชั้นเรียนงานอดิเรกด้วยคำอ้างที่ว่า “ต้องการให้ลูกพัฒนา” หลายท่านลงทะเบียนบุตรหลานให้เข้าร่วมชั้นเรียนหรือวิชาที่ตนเองสนใจ ตามเทรนด์ ตามคำโฆษณา หรือตามที่เห็นหลายคนสนใจ แต่ลืมถามความคิดเห็นของบุตรหลาน

อันที่จริงสิ่งนี้ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ต้องเสียเงินและเวลาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มแรงกดดันให้เด็กๆ พยายามทำผลงานให้ดีในสาขาที่พวกเขาไม่ชอบอีกด้วย

พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าเส้นทางการศึกษาที่ถูกต้อง ไม่ใช่การเรียนราคาแพง หรือการเรียนรู้สิ่งที่หลายคนสนใจ สิ่งสำคัญคือต้องให้การศึกษาแก่เด็กอย่างเหมาะสม และเหมาะสมกับความสามารถของพวกเขาด้วย

สอดคล้องกับที่ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเคยกล่าวไว้ว่า การให้ความสนใจและลงทุนกับการศึกษาปฐมวัยที่มีประสิทธิผลสูงสุดในชีวิต แท้จริงแล้วสำหรับเด็ก “ความเป็นเพื่อน” มีประโยชน์มากกว่าการเข้าร่วมชั้นเรียนงานอดิเรก โดยเฉพาะสำหรับเด็กในช่วงวัยอ่อนไหวตั้งแต่ 3-6 ขวบ

  • ครูใหญ่ขอเคล็ดลับ สาวเลี้ยงลูกให้เป็นอันดับ 1 ของโรงเรียน ไม่กั๊กบอก 3 สิ่งที่ทำทุกวัน
  • ไขปริศนาความเชื่อ “ขวัญ” บนหัวเกิดจากอะไร เด็กมี 3 ขวัญ จะฉลาดกว่าปกติจริงไหม?

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ