ศาลให้ประกัน 2 นักข่าว คดีหนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ตีหลักทรัพย์ 3.5 หมื่น

Home » ศาลให้ประกัน 2 นักข่าว คดีหนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ตีหลักทรัพย์ 3.5 หมื่น
ศาลให้ประกัน 2 นักข่าว คดีหนุนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ตีหลักทรัพย์ 3.5 หมื่น

ศาลให้ประกัน นักข่าว 2 คน คดีสนับสนุนทำลายโบราณสถาน เปิดหลักฐาน วงจรปิดมัด นัดเเนะคนพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ถ่ายภาพตอนก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง นำตัว นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ อายุ 35 ปีกับ นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาณ ขีด เขียน พ่นสีหรือทำให้ปรากฏด้วยประการใดๆซึ่งข้อความ ภาพหรือรูปรอยใดๆที่กำแพงที่ติดกับถนน หรืออยู่ในที่สาธารณะ มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่ 13 – 24 ก.พ. 2567

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่28 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 17.40 น. เวลาเกิดเหตุ ส.ต.ต.วราวุฒิ เทศวงษ์ และ ส.ต.ต.พชรพล แสงภารา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพยานได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขตพระราชฐาน (พระบรมมหาราชวัง) โดยใช้รถจักรยานยนต์ของทางราชการเป็นยานพาหนะออกตรวจรอบพระบรมมหาราชวัง ทั้งหมด 5 จุด และได้ออกตรวจเป็นรอบเวลา ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ พยานทั้งสองได้ออกตรวจรอบเขตพระราชฐานพระบรมมหาราชวัง ก่อนถึงจุดตรวจที่ 4 พยานทั้งสองได้หยุดรถ ถ่ายภาพบริเวณจุดตรวจเพื่อส่งภาพรายงานทางกลุ่มแอปพลิเคชันไลน์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เมื่อตรวจครบทั้ง 5 จุด

ขณะพยานทั้งสองกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจต่อไป ส.ต.ต.พชรพล พยานได้พบเห็นเหตุการณ์ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ ได้ใช้กระป๋องสีสเปรย์พ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าโดยสามารถจับกุมตัว นายศุทธวีร์ พร้อมยึดสีสเปรย์ของกลางได้ ในขณะกระทำความผิด โดยมีผู้กล่าวหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.พระราชวัง ได้ออกตรวจตามวงรอบผ่านมาพบเหตุจึงได้เข้าร่วมจับกุม และได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบตามกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนายศทธวีร์ พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมา พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของผู้ต้องหาที่หนึ่งตรวจสอบพบว่าวันก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาที่หนึ่งได้เดินทางมาที่สนามหลวงและพูดคุยกับ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ

ได้ใช้กระป๋องสีสเปรย์พ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าโดยสามารถจับกุมตัว นายศุทธวีร์ พร้อมยึดสีสเปรย์ของกลางได้ ในขณะกระทำความผิด โดยมีผู้กล่าวหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.พระราชวัง ได้ออกตรวจตามวงรอบผ่านมาพบเหตุจึงได้เข้าร่วมจับกุม และได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบตามกฎหมาย จากนั้นได้นำตัวนายศทธวีร์ พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของผู้ต้องหาที่หนึ่งตรวจสอบพบว่าวันก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาที่หนึ่งได้เดินทางมาที่สนามหลวงและพูดคุยกับนายศุทธวีร์ สร้อยคำ และได้ไปร่วมนั่งรวมกลุ่มที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ในวันเกิดเหตุ จากนั้น เวลา 17.35 น. อยู่หน้าร้านกาแฟอเมซอนข้างกระทรวงกลาโหมประมาณ 20นาที ลักษณะเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย ต่อมาเวลา 17.39 น. นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ยืนถ่ายภาพอยู่ที่ถนนหน้าพระลานตรงป้อมเผด็จฯ (ถ่ายภาพมุมด้านหน้า) ขณะที่ นายศุทธวีร์ก่อเหตุพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวังและเข้ามาถ่ายภาพขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวนายศุทธวีร์ แสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 1ได้รู้มาก่อนแล้วว่านายนายศุทธวีร์ จะมาก่อเหตุ

จากการตรวจสอบข้อมูลทางสื่อโซเชียลและภาพจากกล้องวงจรปิดของ นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้ต้องหาที่ 2 ตรวจสอบ พบว่าเมื่อเวลา 16.56 น. ผู้ต้องหาที่ 2 เดินขึ้นมาจาก ถนนใต้อุโมงค์ ฝั่ง ม.ศิลปากร ถ.หน้าพระธาตุ และเดินอยู่ภายในสนามหลวง อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุ ลักษณะการเดินไปเดินมาเหมือนเป็นการรอเวลานัดหมาย ต่อมาเวลา 17.39 น. ผู้ต้องหาที่2 ยืนรอถ่ายภาพอยู่ตรงบริเวณมุมสนามหลวง ฝังทิศตะวันตก (มุมถ่ายภาพจากทางขวา) ขณะนายศุทธวีร์ กำลังก่อเหตุพ่นสีกำแพง ซึ่งรู้มาก่อนแล้วว่าจะมีคนก่อเหตุ เพราะคนปกติทั่วไปหากไม่ทราบแผนการมาก่อนก็ไม่สามารถเอาโทรศัพท์มือถือ มาถือรอถ่ายภาพขณะนายศุทธวีร์ ก่อเหตุได้(ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด) พนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาที่ 1-2 ช่วงเดือน พ.ค.66

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 15.06 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณร้านข้าวมันไก่ ถนนเจริญกรุงกรุงเทพมหานคร และเวลา 14.50น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่2 บริเวณกลางซอยประชาอุทิศสี่แยก 1-2 แขวงราษฎร์บูรณะ กทม. เหตุเกิดที่ บริเวณกำแพงพระบรมหาราชวัง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แขวงพระบรมมหาราชวังเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่1-2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พนักงานยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีกห้าปากเป็นพยานชุดจับกุมและประจักษ์พยานรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา 1-2 ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอออกหมายขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวน หากผู้ต้องหาขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากหากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาที่1-2 จะกระทำผิดซ้ำ

ศาลอาญา พิจารณาคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ทางทีมทนายของผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยเตรียมใช้หลักทรัพย์คนละ 50,000 บาท อยู่ระหว่างศาลพิจารณาศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณา เว้นแต่โจทก์ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาที่หนักกว่า โดยมีประกันในวงเงิน 3.5 บาท

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ