ศาลรธน. ฟัน 5 กปปส. พ้นสมาชิกภาพส.ส. มีผลตั้งแต่ 7 เม.ย.64 ชี้ข้อโต้แย้งฟังไม่ขึ้น เผยต้องจัดเลือกตั้งซ่อม ชุมพร-สงขลา ภายใน 45 วัน
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2564 ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และความเป็นรัฐมนตรีของ 5 อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลังจากต้องคำพิพากษาศาลอาญาให้จำคุก นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในคดีกบฏ กปปส. ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.317/2564 เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2564 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี นายชุมพล นายอิสสระ และนายณัฏฐพล นับแต่วันมีคำพิพากษา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องทั้ง 5 สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) (6) และมาตรา 96 (2) หรือไม่
โดยศาลอาญาออกหมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์ฎีกาและขังผู้ถูกร้องทั้ง 5 ราย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อมาทั้ง 5 ราย ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และศาลมีคำสั่งให้บุคคลทั้งห้า หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ต่อมาผู้ถูกร้องทั้ง 5 ราย ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าวรวมไว้ในสำนวนแล้ว
ทั้งนี้ การประชุมของศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ต่อมาเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยว่า ตามรัฐธรรมนูญ 98 (6) เมื่อมีคำพิพากษาของศาล ทำให้สมาชิกภาพส.ส.ต้องสิ้นสุดลง โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนนั้น ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) บัญญัติว่าสมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงเมื่อมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 98 (4) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง คืออยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และมาตรา 98 (6) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล
การที่รัฐธรรมนูญกำหนด เนื่องจาก ส.ส.ทำหน้าที่นิติบัญญัติ จึงต้องได้รับการกลั่นกรองคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีการกระทำผิดมัวหมอง อีกทั้งมาตรา 96 และ 98 บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้
ส่วนข้อโต้แย้งที่ว่าการทำผิดอาญาของ ผู้ถูกร้องที่ 1-5 มาจาการชุมนุมแสดงออกความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยรับรองว่าเป็นการแสดงออกเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้รับรองการกระทำผิดตามกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่นไว้ข้อโต้แย้งนี้จึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่แย้งว่าการที่ศาลอาญาไม่ปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ใช่การสั่งจำคุกนั้น ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โต้แย้งว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 98(6) ต้องถูกคุมขังจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น ส่วนเรื่องความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภาในสมัยประชุมที่ไม่อาจถูกจับคุมขัง หรือขัดขวางต่อการปฏิบัติสมาชิกรัฐสภาผู้นั้นจะมาประชุมสภานั้น เป็นการให้ความคุ้มกันระหว่างการพิจารณาคดี แต่กรณีดังกล่าวคดีสิ้นสุดแล้ว ข้อโต้แย้งดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อโต้แย้งที่อ้างว่าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(6) เป็นลักษณะต้องห้ามที่ใช้ก่อนการรับสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น เห็นว่าหาก ส.ส.มีลักษณะต้องห้ามตามมาตราดังกล่าว ย่อมเป็นเหตุให้ ส.ส.สิ้นสุดลงได้ ข้อโต้แย้งดังกล่าวจึงฟังไม่ขึ้น
อาศัยเหตุผลข้างต้นวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของผู้ถูกร้องที่ 1, 3, 5 สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(4) ประกอบมาตรา 96(2) สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องที่ 2 และ 4 สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) นับตั้งแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือวันที่ 7 เม.ย.2564 และให้ถือว่าวันที่ตำแหน่ง ส.ส. ของผู้ถูกร้องที่ 1-4 ว่างลง คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คือวันที่ 8 ธ.ค.2564
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งส.ส.ที่ว่างลงนั้น ในส่วนของส.ส.เขต ได้แก่ชุมพรกับสงขลา นั้น ต้อง มีการตราพระราชกฤษฏีกาเลือกตั้งซ่อมแทนภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพสิ้นสภาพ
สำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อที่ว่าง ประธานสภาประกาศรายชื่อลำดับต่อไป มาแทนส.ส.บัญชีรายชื่อที่ว่างลง ประกาศราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วันนับแต่วันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย