วุ่นเลย! อ้างเป็นพ่อมารับลูก แต่เด็กเห็นรีบหลบหลังครู โทรหาแม่ได้คำตอบ สรุปเป็นใคร

Home » วุ่นเลย! อ้างเป็นพ่อมารับลูก แต่เด็กเห็นรีบหลบหลังครู โทรหาแม่ได้คำตอบ สรุปเป็นใคร

โลกออนไลน์แชร์เโมเมนต์ พ่อไปรับลูกที่โรงเรียนครั้งแรก แต่ลูกไม่ยอมกลับด้วย ทำเอาครูทั้งโรงเรียนจำหน้าได้แน่นอน

เว็บไซต์ phunuphapluat รายงานเรื่องราวไวรัลเมื่อไม่กี่วันก่อน จากคลิปที่บันทึกฉากพ่อไปรับลูกจากโรงเรียนเป็นครั้งแรก แต่ลูกกลับรีบเข้าไปหลบหลังคุณครู จนต้องโทรหาแม่เพื่อให้ช่วยยืนยันความสัมพันธ์ ทำให้เกิดการอภิปรายในหมู่ประชาชนชาวจีนเกี่ยวกับบทบาทของพ่อในครอบครัว

ตามรายงานพบว่า พ่อคนนี้งานยุ่งมากและมักต้องเดินทางไปทำธุรกิจ ดังนั้นการศึกษาของลูก ตั้งแต่การเลือกโรงเรียน การไปรับไปส่ง หรือการเข้าประชุมผู้ปกครอง ครูในชั้นเรียนจึงคุ้นเคยกับผู้ปกครองซึ่งเป็นแม่ หรือปู่ย่าตายาย เพราะพ่อแทบไม่เคยปรากฏตัวที่โรงเรียนอนุบาลของลูกชายเลย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากวันนั้นเป็นวันหยุด พ่อจึงรับหน้าที่ไปรับลูกจากโรงเรียน โดยที่เขาไม่คาดคิดว่าครั้งแรกที่ไปรับลูกจากโรงเรียนจะเจอสถานการณ์ “หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก” เช่นนี้ ซึ่งตามคลิปจะเห็นว่า เขายืนรอที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยความความคาดหวัง และเมื่อเห็นลูกเดินออกมาพร้อมเพื่อนๆ ก็รีบโบกมือให้ด้วยความตื่นเต้นทันที

แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายที่เห็นพ่อกลับมีท่าทีตกใจและสับสนอย่างมาก ดูเหมือนเด็กน้อยไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้พ่อจะมารับเขา และเพราะเขายังไม่มีเวลาคิด เด็กที่สับสนจึงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคุณครู ไม่กล้าเข้าไปหาพ่อของตัวเอง เมื่อครูเห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของนักเรียน จึงรีบปฏิเสธไม่ให้ผู้ชายตรงหน้าเข้ามารับเด็กทันที แม้ว่าผู้เป็นพ่อจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออธิบายว่าเขาเป็นพ่อของเด็กก็ตาม แต่ครูก็ยังไม่เชื่อเขา

สุดท้ายเพื่อจะตรวจสอบความถูกต้องของคำกล่าวอ้างนั้น คุณครูจึงตัดสินใจโทรหาแม่ของเด็กชาย หลังจากได้รับคำตอบยืนยันว่าเป็นพ่อจริงๆ ครูถึงลบความสงสัยที่มีออกไป และในขณะเดียวกันก็ขอโทษผู้เป็นพ่อสำหรับความเข้าใจผิดนี้ ขณะที่พ่อก็ไม่ได้ตำหนิครู แต่กลับขอบคุณเธอ เพราะคิดว่าการทำงานของครูเป็นมืออาชีพมาก เกิดจากความกังวล และดูแลความปลอดภัยของนักเรียนทุกคน

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นผู้เป็นก็พ่อไม่อาจซ่อนความรู้สึกผิดหวังและเสียใจได้ เพราะไม่คาดคิดว่าลูกชายจะจำพ่อไม่ได้และไม่ยอมให้พากลับบ้าน ซึ่งทันที่ที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในโลกออนไลน์ ก็ทำให้ทุกคนที่เห็นทั้งขำและรู้สึกสงสาร และบางคนถึงกับคอมเมนต์ติเตียนพ่อด้วยซ้ำ เพราะมองว่าเขาอาจไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกระบวนการเลี้ยงดูลูก

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ