ฟิจิ คือ ประเทศขนาดเล็ก ในทวีปโอเชียเนีย โดยเป็นหมู่เกาะขนาดเล็กกลางมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย มีพื้นที่เพียง 18,274 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าจังหวัดนครราชสีมาเสียอีก

ด้วยความเป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก มีประชากรไม่ถึงล้านคน ไม่แปลกหากคนส่วนใหญ่ของโลกจะไม่รู้จักเกาะแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม มีผู้ชายคนหนึ่งจากฟิจิ ประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้จักประเทศของเขา ผ่านการเล่นกีฬา

วีเจย์ ซิงห์ คือนักกีฬากอล์ฟจากมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ใช้ฝีมือของเขาในการประกาศศักดา กับการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ และเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลก จนทำให้ประเทศฟิจิ ได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของกีฬากอล์ฟในระดับโลก

จากชายที่หวดลูกมะพร้าว

ฟิจิ ถึงจะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็มีชื่อเสียงด้านกีฬาหลายประเภท ทั้ง รักบี้ และ มวยปล้ำสมัครเล่น แต่สำหรับ กอล์ฟ นี่คือกีฬาซึ่งแทบไม่เป็นที่รู้จักของคนฟิจิ มีเพียงคนชนชั้นสูงบางกลุ่มในประเทศเท่านั้นที่จะเข้าถึงกีฬานี้

หนึ่งในคนที่มีโอกาสได้สัมผัสกับเกมกอล์ฟตั้งแต่วัยเยาว์ คือ วีเจย์ ซิงห์ ลูกชายของ โมฮาน ซิงห์ ช่างซ่อมเครื่องบินที่รับจ็อบเสริมเป็นครูสอนกอล์ฟให้กับบรรดาคนมีฐานะในฟิจิ ซึ่งวีเจย์ได้รับอิทธิพลความรักในกีฬากอล์ฟมาจากคุณพ่อ 

แม้จะคลุกคลีอยู่กับคนรวย แต่ครอบครัวของ วีเจย์ ซิงห์ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เป็นแค่ชนชั้นกลางธรรมดาๆ ที่ไม่มีเงินมากพอจะไปตีกอล์ฟด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เจ้าหนูวีเจย์ต้องการที่จะตีกอล์ฟ แม้ว่าเขาจะไม่มีลูกกอล์ฟเป็นของตัวเองแม้แต่ลูกเดียว

“ผมใช้ลูกมะพร้าวแทนที่ลูกกอล์ฟ เพราะไม่มีเงินซื้อลูกกอล์ฟมาใช้ฝึกซ้อม ผมต้องปีนต้นมะพร้าวขึ้นไปเก็บลูกด้วยตัวเอง” วีเจย์ ซิงห์ เล่าเรื่องของตัวเองในวัยเด็ก

ความฝันเดียวของ วีเจย์ ซิงห์ ตั้งแต่วัยเด็ก คือการเป็นนักกอล์ฟอาชีพ เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วีเจย์มีโอกาสได้ไปซ้อมตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟของสนามบินนานาชาตินาดี ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณพ่อของเขาสอนกอล์ฟอยู่ 

วีเจย์ไปซ้อมตีกอล์ฟเกือบทุกวัน ทั้งวันปกติ หลังเลิกเรียน และช่วงสุดสัปดาห์ แทบไม่มีวันพัก ทุกครั้งที่ไปซ้อม เขาจะหวดลูกจนกว่าแสงไฟไม่พอที่จะมองเห็นลูกอีกต่อไป วีเจย์ถึงจะกลับบ้าน.. เขาเป็นผู้ชายที่มุ่งมั่นกับความฝันอย่างมาก ทุ่มทั้งกายและใจไปกับการฝึกซ้อม อีกทั้งยังมีระเบียบวินัยในตัวเองอย่างมาก

หนุ่มฟิจีผู้นี้ไม่เพียงเล่นแค่กีฬากอล์ฟ แต่ยังเล่น รักบี้, คริกเก็ต และสนุกเกอร์ เพื่อฝึกฝนตัวเองในฐานะนักกีฬา ตักตวงคุณสมบัติความเป็นมืออาชีพให้มากที่สุด

ผลจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก วีเจย์ ซิงห์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักกอล์ฟที่เก่งที่สุดของประเทศ ด้วยวัยเพียง 17 ปี และเขาได้รับโอกาสไปเข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟชิงแชมป์โลกของนักกีฬาสมัครเล่น ที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา

ผลจากการเข้าร่วมรายการในครั้งนั้น ทำให้วีเจย์คิดว่าตัวเขาน่าจะดีพอที่จะแข่งกอล์ฟอาชีพ และตัดสินใจเทิร์นโปร ตอนอายุ 19 ปี ในปี 1982.. 2 ปีหลังจากนั้น เขาคว้าแชมป์รายการแรกให้กับตัวเอง ในรายการ Malaysian PGA Championship

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ วีเจย์ ซิงห์ เจอกับอุปสรรคครั้งสำคัญ หลังจากเขาถูก PGA Asia แบนตลอดชีวิต เนื่องจากถูกมองว่าพยายามที่จะโกงการแข่งขัน ขณะที่ วีเจย์ ซิงห์ มองว่าเขาถูกกลั่นแกล้งโดยผู้มีอำนาจในวงการกอล์ฟ ที่ต้องการจะขัดขาอนาคตของเขา เพื่อให้นักกอล์ฟบางรายประสบความสำเร็จ

นักกอล์ฟอันดับ 1 ของโลก

จากมืออันดับ 1 ของประเทศฟิจิ เขากลายเป็นครูสอนกอล์ฟธรรมดาในประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่สุดในชีวิตของ วีเจย์ ซิงห์ เพราะไม่อาจใช้ชีวิตในการไล่ล่าความฝัน และมีรายได้น้อยมาก เรียกได้ว่ากระเป๋าเงินแบนตลอดเวลา จากคำบอกเล่าของคนใกล้ชิดในเวลานั้น

วีเจย์ห่างหายจากการแข่งกอล์ฟไปถึง 3 ปี เขากลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้ง ด้วยการนำเงินที่เก็บสะสมไว้ ลงสมัครแข่งขันในทวีปแอฟริกา ไนจีเรีย, ไอวอรี โคสต์, ซิมบับเว คือประเทศที่เขาลงทำการแข่งขัน และสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง จนเป็นขวัญใจแฟนกอล์ฟท้องถิ่น 

ผลงานที่ร้อนแรงในแอฟริกา ทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมการคัดเลือกเพื่อลงเล่นใน European Tour หรือการแข่งขันกอล์ฟอาชีพในทวีปยุโรป และคว้าสิทธิ์ได้ในปี 1988 หลังจากนั้นก็แสดงความเป็นยอดฝีมือทันที ด้วยการชนะการแข่งขันระดับ European Tour ครั้งแรกที่ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปีแรกของที่ร่วมลงแข่งในปี 1989

หลังจากนั้นเป็นต้นมา อะไรก็มาฉุดเขาไม่อยู่ วีเจย์ ซิงห์ ชนะการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง จนปี 1993 เขาได้เข้าร่วม PGA Tour หรือการแข่งขันกอล์ฟอาชีพในทวีปอเมริกาเหนือ และสามารถคว้าแชมป์แรก ตลอดจนรางวัลนักกอล์ฟหน้าใหม่แห่งปีจาก PGA Tour ได้ในทันที

วีเจย์ ซิงห์ กวาดแชมป์ใน PGA Tour อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแชมป์ PGA Championship ในปี 1998 ซึ่งเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์รายการแรกของเขา ตามด้วยแชมป์ The Masters กอล์ฟเมเจอร์รายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเมื่อปี 2000 

จนกระทั่งปี 2003 เขาคว้าแชมป์ PGA Tour 4 รายการในปีเดียว และติด 10 อันดับแรกของการแข่งขันถึง 18 รายการ กลายเป็นนักกอล์ฟที่ทำเงินสูงสุดในปีนั้น เหนือ ไทเกอร์ วูดส์ โดยที่ทั้งสองคนลงแข่งขันเท่ากันที่ 27 รายการ

ในปี 2004 วีเจย์ ซิงห์ เข้าสู่จุดพีคที่สุดในอาชีพ ด้วยการคว้าแชมป์ PGA Championship เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแชมป์ PGA Tour 9 รายการที่ทำได้ในปีเดียว จนก้าวขึ้นสู่การเป็นนักกอล์ฟมือวางอันดับ 1 ของโลก ล้ม ไทเกอร์ วูดส์ ลงได้สำเร็จ

ความโด่งดังของ วีเจย์ ซิงห์ จากผลงานในการเล่นกอล์ฟ ทำให้ชื่อของประเทศฟิจิเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะเกาะขนาดเล็กที่ไม่เคยมีชื่อเสียงเรื่องกอล์ฟมาก่อน กลับสร้างนักหวดอันดับ 1 ของโลก เป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนไม่น้อยรู้สึกประทับใจ กับความพยายาม และไล่ล่าความฝันจนประสบความสำเร็จ

รักชาติหรือชังชาติ?

ปฏิเสธไม่ได้ถึงอิทธิพลของ วีเจย์ ซิงห์ กับการทำให้ประเทศฟิจิโด่งดังไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับสื่อที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามายาวนานเกือบ 20 ปี ทำให้มีข่าวหรือบทความที่พูดถึงเรื่องราวแย่ๆ ของยอดนักกอล์ฟรายนี้ออกมาเสมอ

หนึ่งในคนที่ไม่ชื่นชอบ วีเจย์ ซิงห์ เป็นการส่วนตัวคือ ซิติเวนี ราบูคา อดีตนายกรัฐมนตรีของฟิจิ ในช่วงปี 1992 ถึง 1999 ที่เคยโจมตียอดนักหวดรายนี้ว่าเป็นพวก “ชังชาติ”

“เขาไม่ค่อยจะกลับมาประเทศของตัวเองหรอก เพราะเขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ถึงปากจะบอกใครต่อใครว่า ฟิจิเป็นประเทศที่น่าอยู่ก็เถอะ”

“ผมอยากให้เขากลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ผมอยากให้ประชาชนได้เห็นเขาเป็นต้นแบบ และเรียนรู้เรื่องราวดีๆจากตัวเขา ในแง่ของการเล่นกีฬาอย่างมืออาชีพ แต่สิ่งที่เขาทำคือปล่อยให้กอล์ฟเป็นกีฬาของพวกคนรวยในฟิจิ” ราบูคา กล่าวถึง วีเจย์ ซิงห์

บวกกับตัวของ วีเจย์ ซิงห์ เอง มักจะปฏิเสธการแข่งขันกอล์ฟในนามทีมชาติอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในยุค 90s ที่เขาไล่ล่าชื่อเสียงและความสำเร็จในโลกตะวันตก จนทำให้เขากลายเป็นคนฟิจิที่ห่างเหินกับแผ่นดินบ้านเกิด เหมือนเหลือแค่สัญชาติที่ผูกเขากับฟิจิเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า วีเจย์ ซิงห์ จะไม่เคยทำอะไรให้กับประเทศของเขา ในปี 2005 เขารับตำแหน่งเป็นฑูตความดีของฟิจิ นอกจากนี้ เขายังบริจาคเงินสนับสนุนโครงการสร้างนักกอล์ฟรุ่นใหม่ของฟิจิและกำหนดแนวทางพัฒนาให้อีกด้วย

กระนั้น วีเจย์ ซิงห์ ก็ไม่ชอบพูดถึงเรื่องราวของฟิจิเท่าไหร่นัก เขามักจะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวในวัยเด็กของตัวเองสมัยอาศัยอยู่ในประเทศฟิจิ จนเรื่องราวในวัยเด็กของเขาเป็นเรื่องที่ลึกลับพอสมควร และต้องอาศัยคำอ้างอิงจากคนรอบตัวเท่านั้น

หากเขาเปิดปากพูดถึงเรื่องราวในบ้านเกิด เขามักจะพูดภาพที่ไม่ดีของประเทศ เช่น การบอกว่าฟิจิเป็นประเทศที่ยากจนและมีแต่คนขี้อิจฉา รวมถึงยอมรับว่าเขาผูกใจเจ็บกับประเทศฟิจิ ที่ไม่เคยสนับสนุนเขาในฐานะนักกอล์ฟ เป็นตัวเขาที่ผลักดันตนเองจนประสบความสำเร็จในระดับโลก 

คงต้องบอกว่า วีเจย์ ซิงห์ กับ รัฐบาลฟิจิ โดยเฉพาะในยุคของ ซิติเวนี ราบูคา มีปัญหาไม่กินเส้นกันอย่างชัดเจน จนสุดท้ายก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย ผู้มีอำนาจในฟิจิไม่ชอบที่จะสนับสนุน วีเจย์ ซิงห์ ขณะที่ด้านนักกอล์ฟเสียความรู้สึกต่อบ้านเกิด และไม่อยากจะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับประเทศของตัวเองเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะรักหรือเกลียดฟิจิ เขายังคงมีภาพลักษณ์เป็นตัวแทนของเกาะแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน และจะถูกจดจำในฐานะนักกอล์ฟจากเกาะเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยประกาศศักดาในฐานะนักกอล์ฟอันดับ 1 ของโลก