“วิโรจน์” ไม่หวั่นยุบพรรค ไม่กลัวงู เพราะคุยตั้งแต่ในมุ้งอนาคตใหม่ ลั่นไม่เคยสนใจ “ทักษิณ” ขอให้สบายใจก้าวไกลไม่คิดเอาใครมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง โยนถาม “ราชทัณฑ์” กลับบ้านเชียงใหม่ แย้มอภิปราย 152 เน้นทวงถามความคืบหน้านโยบาย-เสนอแนะปัญหา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกล เสนอญัตติด่วนขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจนิติบัญญัติ เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะคำสินสินของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรว่า นี่คือหน้าที่ของนิติบัญญัติในการศึกษาขอบเขตอำนาจขององค์กรต่างๆ โดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรอิสระ ไม่ใช่ 3 อำนาจหลัก ที่ปัจจุบันก้าวก่ายขอบเขตของนิติบัญญัติ อำนาจฝ่ายบริหาร สังคมสงสัยว่าอำนาจขององค์กรอิสระและตุลาการจะเกี่ยวโยงกันหรือไม่
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลต้องการเอาคืนศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ตามกรอบรัฐธรรมนูญ สส. จะนำคำถามในใจของประชาชน ใช้ตามหน้าที่ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ตนไม่เคยคิดว่าประเด็นนี้เป็นตัวเร่งให้พรรคก้าวไกลโดนยุบ ถ้าคิดว่าประชาชนจะยอมรับก็ทำเลย ตนไม่ส่งสัญญาณถึงใคร ถ้าหากมีจะส่งขอส่งถึงผู้มีอำนาจนอกระบบ ก้าวไกลทำงานจากความในใจของประชาชน ทำให้ประเทศสงบภายใต้ระบบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และหาก กกต. จะยื่นยุบพรรคก้าวไกล ให้เป็นหน้าที่ของ กกต. เราพร้อมทุกวันตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่
ส่วนจะมีความกังวลว่า สส.ย้ายพรรคหรือมีงูเห่าหรือไม่ นายวิโรจน์ ย้ำว่า ไม่ต้องกังวล คุยตั้งแต่ผู้สมัครแล้ว “งูเห่าที่ผ่านมา ก็เห็นตัวอย่างอยู่แล้ว จะเป็นงูจริง งูแฝง มีจุดจบไม่ต่างกัน”
ส่วนการไปเชียงใหม่ของนายทักษิณครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าอาจไปตลาดพบประชาชนด้วย จะเหมาะสมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องย้อนถามกรมราชทัณฑ์ว่าทำได้หรือไม่ ก้าวไกลคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่หากนำโมเดลของนายทักษิณมาใช้กับนักโทษคนอื่น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิ์ตามมาตรฐาน นักโทษคนอื่นก็ควรได้รับสิทธิ์นั้น เป็นเรื่องง่ายมาก ในยุคที่นายทักษิณถูกขับไล่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จำได้หรือไม่ว่าคนเสื้อแดง ต่อสู้ในบริบทไหน ดังนั้น เราไม่ควรเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนคิดว่าทุกวันนี้การต่อสู้นั้นก็ยังอยู่ คำว่าสองมาตรฐานก็ยังหลอนตนอยู่ ซึ่งประเทศไทยต้องการมาตรฐานเดียว
ขณะเดียวกัน นายวิโรจน์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามมาตรา 152 ว่า มีเรื่องให้อภิปรายหลายประเด็น จะเป็นการทวงสัญญารัฐบาลว่าจะทำหรือไม่ทำ ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ มีความคืบหน้าไปถึงไหน รวมถึงสิ่งที่ทำมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นลักษณะของการเสนอแนะว่าสิ่งที่รัฐบาลควรทำ และไม่ทำคืออะไร นอกจากนี้ยังมีปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งเรื่องมาเฟียข้ามชาติ อิทธิพลท้องถิ่น รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการบางกลุ่ม ทุนสีเทา คอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงปัญหายาเสพติด การใช้อำนาจรัฐที่ไม่มีหลักนิติธรรม ระบบสองมาตรฐาน
ทั้งนี้ มองเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่อย่างไรบ้าง นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายทักษิณ เพราะไม่เคยสนใจประเด็นของนายทักษิณเลย แต่สนใจเนื้อหาสาระ และสิ่งที่นายทักษิณได้รับว่าเป็นสิทธิพิเศษหรือไม่ หรือคนอื่นที่มีเงื่อนไขคล้ายนายทักษิณพึงจะได้รับด้วย ถ้าเป็นเรื่องสิทธิมาตรฐานเราเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร
ส่วนจะเป็นโมเดลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาด้วยหรือไม่ คงต้องติดตามดู แต่ตนคิดว่าสังคมไทย บาดเจ็บจากการเอบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาเป็นเงื่อนไขในการขัดแย้งมากพอแล้ว สมัยก่อนก็มีเรื่องนายปรีดี พนมยงค์/จอมพลถนอม กิตติขจร /จอมพลประภาส จารุเสถียร ไล่มาจนถึงพลเอกสุจินดา คราประยูร และนายทักษิณ ตนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่ตัวโครงสร้าง
จึงขอให้สบายใจว่า พรรคก้าวไกลไม่เคยมีความคิดเลย ที่จะหยิบยกเอาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในหมู่ประชาชน และใช้วิธีการเช่นนั้น ทำให้สังคมกลับมาแตกแยกอีก แต่เราจะมุ่งแก้ไขที่โครงสร้าง วิพากษ์วิจารณ์และแก้ไขเนื้อหาสาระเป็นหลัก ดังนั้น ยังยืนยันว่าทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ ไม่ได้อยู่ในสารบบคิดของพรรคก้าวไกลแต่เราให้ความสนใจ ใส่ใจ กับสิ่งที่คุณทักษิณได้รับ ถ้าเกิดได้รับบุคคลอื่นที่อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันก็ควรได้รับด้วย
นายวิโรจน์ ย้ำว่า นายทักษิณควรได้รับความยุติธรรม ไม่ใช่ได้รับอภิสิทธิ์ ส่วนที่มีคนมอบว่าเกี๊ยเซียะกันนั้น ถ้าดูบทบาทตนก็คิดว่าไม่ได้เกี๊ยเซียะยังจัดหนัก จัดเต็ม
ส่วนการไปเชียงใหม่ของนายทักษิณครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าอาจไปตลาดพบประชาชนด้วย จะเหมาะสมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องย้อนถามกรมราชทัณฑ์ว่าทำได้หรือไม่ ก้าวไกลคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่หากนำโมเดลของนายทักษิณมาใช้กับนักโทษคนอื่น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิ์ตามมาตรฐาน นักโทษคนอื่นก็ควรได้รับสิทธิ์นั้น เป็นเรื่องง่ายมาก ในยุคที่นายทักษิณถูกขับไล่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จำได้หรือไม่ว่าคนเสื้อแดง ต่อสู้ในบริบทไหน ดังนั้น เราไม่ควรเลือกปฏิบัติ ซึ่งตนคิดว่าทุกวันนี้การต่อสู้นั้นก็ยังอยู่ คำว่าสองมาตรฐานก็ยังหลอนตนอยู่ ซึ่งประเทศไทยต้องการมาตรฐานเดียว