วิโรจน์ ชี้ ปมหุ้นสื่อพิธา ไม่มีอะไรน่ากังวล ชาวส้ม อย่าหวั่นไหวกับพวกสัภเวสี ผีเปรต อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะจับมือกันเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน
10 พ.ค. 2566 – นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังเสร็จสิ้นภารกิจการปราศรัยที่ศาลหลักเมือง จ.กาญจนบุรี โดยระบุข้อความดังนี้
ผมจึงได้ถือโอกาสปราศรัย ให้พี่น้องประชาชนฟังอย่างสบายใจว่า การที่ช่วงนี้ฝ่ายอำนาจนิยม ระดมทำคลิป ระดมนักร้อง มารุมโจมตีพรรคก้าวไกล และคุณพิธา อย่างพัลวัน นั้นไม่มีอะไรที่น่ากังวลเลย ทั้งหมดเป็นเพียงวิชามาร พี่หวังทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชน และก่อกวนให้พรรคก้าวไกลรู้สึกหงุดหงิดเท่านั้นเอง
แต่มันก็สะท้อนได้ว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายฝ่ายอำนาจนิยม ได้มองว่าพรรคก้าวไกลเป็นคู่ปรับสำคัญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและเป็นพรรคเดียวที่พร้อมปักหลักสู้กับฝ่ายอำนาจนิยมอย่างไม่ลดราวาศอก
จากในตอนแรกที่แข่งขันกันอยู่หลายพรรค ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 2 พรรคเท่านั้น ก็คือ พรรคก้าวไกล VS ลุง วันนี้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นเพียงพรรคการเมืองที่ตั้งเป้าว่าจะร่วมรัฐบาลอีกแล้ว แต่เราสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เลย และต้องยอมรับว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เจิดจรัสที่สุด จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะต้องมีมารผจญมาวนเวียน สร้างความรำคาญ ซึ่งจุดยืนของเรายังคงชัดเจน ก็คือ มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง
กรณีหุ้นไอทีวีของพิธา ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีอะไรที่น่ากังวลเลย
ประเด็นที่หนึ่ง : การครอบครองหุ้นของพิธา ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปซื้อหุ้น แต่เนื่องจากคุณพ่อของพิธาเสียชีวิต พิธาจึงต้องเป็นผู้จัดการมรดก ดังนั้น หากกรณีแบบนี้กลายเป็นความผิด เท่ากับต่อไป ส.ส. ในสภาฯ เกิดพ่อเสียชีวิตขึ้นมา แล้วตัวเองต้องเป็นผู้จัดการมรดก ถ้าในมรดกมีหุ้นสื่ออยู่ด้วย นี่ไม่โดนดีดออกจากสภาฯ กันหมดเลยหรือ
ประเด็นที่สอง : หุ้นที่ว่านั้นก็มีอยู่แค่ 42,000 หุ้น จากทั้งหมด 12 ล้านหุ้น ถือเป็นสัดส่สนที่น้อยมาก เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาของ ส.ส.รายหนึ่ง กรณีถือหุ้นสื่อ คำพิพากษาระบุชัดว่า นักการเมืองรายดังกล่าวถือหุ้นเพียง 200 หุ้นจากทั้งหมดกว่า 2.8 ล้านหุ้น ศาลจึงตัดสินว่า การถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยขนาดนี้ ไม่สามารถแทรกแซง หรือสั่งการให้บริษัทสื่อทำสื่อเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองคนดังกล่าวได้ จึงพิพากษาตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ให้คืนสิทธิ์การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ให้แก่นักการเมืองคนดังกล่าว
เช่นเดียวกัน 42,000 หุ้น เมื่อเทียบกับ 12 ล้านหุ้น ก็ถือว่าน้อยมากเช่นกัน พิธาไม่สามารถสั่งการอะไรได้เลย อีกทั้งผู้บริหาร ThaiPBS ก็ยืนยันแล้วว่า ITV ไม่ได้ทำสื่อ และยุติกิจการไปตั้งแต่ปี 2550 แล้ว คือไม่ได้ทำสื่อมา 16 ปีแล้ว และได้ถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2557 การคงสถานะนิติบุคคลเอาไว้ ก็เพียงเพื่อใช้ในเรื่องคดีความเท่านั้น
ประเด็นที่สาม : กรณีหุ้น ITV ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะพิธาได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวนี้ ให้กับ ป.ป.ช. ทราบตั้งแต่ปี 62 แล้ว และการดำเนินต่าง ๆ ก็ได้ดำเนินการตามที่ได้หารือกับ ป.ป.ช. มาโดยตลอด
ดังนั้นขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลกับวิชามารเหล่านี้ พิธาและพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าหาเสียงด้วยความมั่นใจ เพื่อร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปกับพร้อมกับพี่น้องประชาชนอย่างไม่ลดละ
ไม่ต้องหวั่นไหว กับพวกสัมภเวสี ผีเปรต เถยจิต อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะจับมือกันเข้าเส้นชัยไปด้วยกันแล้ว