วันนี้ (11 มิ.ย. 66) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้า การเปิดโปง เรื่องส่วยสถานบันเทิง ว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ตนได้วางแผนร่วมกันกับ นายปกรณ์วุฒิ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นแกนนำดูแลเรื่องนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาในการเรียกรับผลประโยชน์ในธุรกิจกลางคืน
โดยเบื้องต้นเราต้องย้ำว่า ธุรกิจกลางคืน หลายคนมักจะมองว่า เป็นธุรกิจสีเทา ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ก็เป็นผู้ประกอบการที่สุจริต แต่เวลาที่ถูกตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ปกครองบางคนเข้ามากลั่นแกล้ง รังแกให้สังคมเข้าใจผิดว่าเป็นธุรกิจสีเทา ซึ่งไม่ถูกต้อง
“ภาพลักษณ์ของประชาชนที่มองว่าเป็นธุรกิจสีเทามันเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครองและสิ่งแวดล้อมบางกลุ่ม บางท่าน อาศัยภาพลักษณ์ที่ประชาชนมองเขาแบบนั้น เข้าไปรังแก ตรวจสอบการประกอบการสุจริตของพวกเขาเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ทางอ้อม”
นายวิโรจน์ กล่าว
ที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ให้ข้อมูลอยู่เป็นระยะ เบื้องต้นต้องมีการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิง ให้มีความทันสมัยขึ้น ซึ่งฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีความล้าสมัยอย่างมาก มีการย้อนยุคไปไกลหลาย 10 ปี และกฎหมายที่ไม่ทันสมัยจะเป็นช่องทางหรือเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือตำรวจบางกลุ่มเข้ามารวมกลุ่มหาผลประโยชน์ การแก้กฎหมายจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- ศิธา ไทยสร้างไทย ซัดเดือด กลุ่มคนดีย์ที่เลือกลุง ด้อยค่าเสียงของประชาชน
- อุทยานประวัติศาสตร์ เปิดแมพ! จุดถ่ายภาพ ตามรอย ‘ลิซ่า’
- ‘เสรีพิศุทธ์’ แฉ! เบื้องหลัง มีคนช่วย ‘ศรีสุวรรณ’ ยื้อยุบสมาคม
ส่วน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวว่า ได้เพิ่มคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเรื่องส่วยเพิ่มอีกคณะ นายวิโรจน์ อยู่ในคณะด้วยหรือไม่ และเป็นประธานดำเนินการเองหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนถือเป็นหนึ่งในคณะทำงาน ร่วมกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค โดยในคณะทำงานไม่มีใครเป็นประธาน ซึ่งตนอาจจะทำหน้าที่ช่วยนัดประชุมเพื่อสรุปว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรในระยะยาว
การพูดเรื่อง ‘ส่วยสถานบันเทิง’ จะกระทบเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการข่มขู่หรือไม่
นายวิโรจน์ ก็ได้กล่าวว่า ไม่ได้มี ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่มองตาก็รู้ใจ “ผมว่าเขาก็รู้ การเรียกรับผลประโยชน์แบบนี้มันมีมาช้านานเหมือนกัน ทั้งหมดทั้งมวลมาจากกฎหมายที่ไม่ทันสมัย ต่อให้จะมีคนมาบอกผมว่า คุณเจตนาที่จะทำโดยสุจริต สมมติเปิดไม่เกินเวลา ไม่มีการปล่อยปละละเลยให้เด็กที่ยังไม่ครบอายุเข้าไปสถานบันเทิงเลย คุณก็จะเจอการกลั่นแกล้งในรูปแบบต่าง ๆ อยู่ดี เช่น อยู่ดี ๆ ก็เอารถตำรวจมาจอดหน้าร้านบ้าง มาตั้งด่านหน้าร้านบ้าง หรือไม่ก็ช่วงเวลาที่กำลังขายดี 4-5 ทุ่ม ก็เข้ามาขอให้เปิดไฟและตรวจบัตรประชาชนแขกทุกคนในร้าน
พอตรวจแล้วไม่พบปัญหาอะไรก็ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แล้วก็เดินจากไป คุณทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ร้านเขาก็ขาดทุน ไม่มีใครมาถูกหรือไม่ แล้วคุณก็อ้างว่าเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่คุณตรวจสอบโดยที่ไม่มีเหตุต้องสงสัยได้อย่างไร” นายวิโรจน์ กล่าว
คล้ายกับกรณีส่วยรถบรรทุก ที่มีการก่อความรำคาญ ก่อความรังควานต่าง ๆ โดยอ้างข้อกฎหมาย สุดท้ายก็ใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันคือให้เบอร์โทรศัพท์ แล้วให้โทรไปเคลียร์กับเจ้านาย
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY