คล้ายกับ “เป้าหมาย” การเปิดโปง “ธุรกิจสีเทา” จะอยู่ที่บทบาทของ “ตู้ห่าว”
และเมื่อเป็น “ธุรกิจสีเทา” ซึ่งสัมพันธ์กับสถานบันเทิง บ่อนการพนัน น่าจะเป็นเรื่องของการค้ามนุษย์ น่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด
ตัวละครเอก ตัวละครหนึ่งย่อมเป็น “ตำรวจ”
แต่เมื่อเห็นการเดินสายของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และการไลฟ์ในแต่ละวัน สังคมบังเกิดอาการ “ตาสว่าง” และประจักษ์ในความกว้างขวางใหญ่โต
“ธุรกิจสีเทา” โยงยาวไปยัง “ทำเนียบรัฐบาล”
ถามว่านับแต่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกโรงก่อให้เกิดผลสะเทือนอย่างไร
ตัวอย่างแรกสุด สังคมเห็นความตื่นตัวเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ไม่ว่าจะจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
2 คนนี้คือ “รองผบ.ตร.” ที่จะเป็น “ผบ.ตร.” ต่อไป
แต่แล้วเมื่อเห็นอาการและความต่อเนื่องที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ออกบวชกะทันหัน และเห็น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ค่อยๆ วางมือถอยห่าง
กลิ่นแปลกที่โชยมาชวนให้เกิด “คำถาม”
มีความเป็นห่วงต่อการดำรงอยู่ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มากยิ่งขึ้นและร้อนรน
ยิ่งเมื่อ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเอาแผนภูมิความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจของ “ตู้ห่าว” กับคนในตระกูล “จันทร์โอชา” อย่างค่อนข้างพิสดาร
ยิ่งก่อให้เกิดความกังขาตามมา
ไม่ว่าอาการหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าอาการพยายามทำให้เรื่องเงียบหายไม่กลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครม
สายตาที่มอง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยิ่งเป็นห่วง
ต้องยอมรับว่าการดำรงอยู่ของ “ธุรกิจสีเทา” และการดำรงอยู่ของ “ตู้ห่าว” มากด้วยพลัง
เป็นพลังที่ไม่เพียงแต่จะสามารถรอดตัวจากกรณี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หากแต่ยังตอกย้ำว่าเครือข่าย “ธุรกิจสีเทา” แผ่กว้างอย่างไพศาลเหลือเชื่อ
จึงไม่แน่ว่าบทจบของ “ธุรกิจสีเทา”จะเป็นอย่างไร